ม.112 ล่ามโซ่ ‘ทักษิณ’ สกัดเกมจับขั้ว ‘ก้าวไกล’

ม.112 ล่ามโซ่ ‘ทักษิณ’ สกัดเกมจับขั้ว ‘ก้าวไกล’

ยิ่งมีกระแสข่าว“เพื่อไทย” มีทางเลือกพลิกขั้วจับมือ“ก้าวไกล”มากเท่าไร ตัวของ“ทักษิณ-ครอบครัวชินวัตร”ย่อมจะอยู่ในความเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น

KeyPoints :

  • บ่วงคดี ม. 112 มัด "ทักษิณ ชินวัตร" ไม่ให้เบี้ยวสัญญากับ "ขั้วอนุรักษ์นิยม" หลังพรรคเพื่อไทยพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาล
  • ต้องจับตาภายหลังได้รับการพักโทษ "ทักษิณ" จะวางท่าทีทางการเมืองอย่างไร เพราะบรรดานักการเมือง-นักเลือกตั้ง พร้อมจะวิ่งเข้าสู่ศูนย์กลางอำนาจ
  • อย่างไรก็ตามเกม ม. 112 ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของ กลุ่มสว.-นักวิชาการ-นักการเมือง-อดีตทหาร ที่ถูกมองว่าเป็นนักค้าความขัดแย้ง จะมีทิศทางความเคลื่อนไหวอย่างไร 

"ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ใกล้พ้นบ่วงจากคดีที่โดนศาลตัดสินให้จำคุก โดยมีโอกาสได้รับการพักโทษในช่วงวันที่ 18 ก.พ.นี้ ภายหลังกลับมารับโทษจำคุก แต่ใช้สิทธิเรื่องความเจ็บป่วย รักษาตัวอยู่นอกเรือนจำ จนกระทั่งวันนี้่

ทว่า คดีค้างเก่า ที่“ทักษิณ”ถูกฟ้องดำเนินคดี ว่าด้วยความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งตำรวจและอัยการแจ้งไปยังกรมราชทัณฑ์เพื่อขออายัดตัวต่อ หากได้รับการพักโทษ 

“ทักษิณ”ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยทีมทนายเตรียมยื่นประกันตัวสู้คดี พร้อมมั่นใจว่า เมื่อเข้าเกณฑ์รับโทษเกินกึ่งหนึ่ง (ครบวันที่ 18 ก.พ.) ทักษิณเตรียมกลับบ้านได้ทันที 

ทว่า จากที่คาดการณ์กันว่า ทักษิณอาจจะกลับมาอหังการ์ เป็นศูนย์รวมอำนาจทางกา

 

ม.112บ่วงมัด "ทักษิณ"

แม้อำนาจสั่งการ ในทางเปิด-ทางลับ มีแน่นอน แต่จะ"คิดใหญ่ ทำเป็น" จนนอกลู่นอก ทางข้ามหน้าข้ามตา “หัวขบวนอนุรักษนิยม” อาจจะต้อง คิดใหม่-ทำใหม่

เพราะคดี ม. 112 จะเป็นบ่วงมัด “ทักษิณ” เอาไว้ ไม่ให้ผิดสัญญา-ผิดดีล สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “หัวขบวนอนุรักษนิยม” ยังไม่ไว้วางใจ “ตระกูลชินวัตร”

หมากซ้อนเกมครั้งนี้ ทักษิณจะโทษ “มือดีล” ว่าทำผิดสัญญาก็ไม่ได้ เนื่องจากคดี ม. 112 ไม่ได้อยู่ในดีลบนโต๊ะ 

ก่อนเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาล ดีลบนโต๊ะมีเพียงคดีทุจริต ที่โดนศาลตัดสินจำคุกไปแล้ว อาจรวมถึงคดีในชั้น ป.ป.ช. แต่คดี ม.112 ไม่เคยมีการเจรจา

ฉะนั้น ทางเดียวที่จะล่าม“ทักษิณ”เอาไว้ได้ จึงต้องขุดคดีมาผูกขาเอาไว้

"อนุรักษ์นิยม"ระแวงจับมือพรรคส้ม

ฉาก "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ประธานคณะก้าวหน้า เดินทางไปพบทักษิณที่เกาะฮ่องกง ในช่วงจับขั้วตั้งรัฐบาล ได้ทิ้งเชื้อให้เห็นโอกาส ที่“เพื่อไทย” จะจับมือ “ก้าวไกล”ย่อมเป็นไปได้ และส่งผลให้เครือข่ายอนุรักษนิยมหวาดระแวง

บรรดา “ขุนพล-ขุนทหาร” ที่คอยประเมินสถานการณ์ทางการเมือง จึงต้องหาแผนสำรองเอาไว้ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เพลี่ยงพล้ำจนอำนาจหลุดจากมือ

ในช่วงก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินคดี ม. 112 ของพรรคก้าวไกล จึงมีกระแสข่าว “พรรคสีส้ม” อาจจะพ้นบ่วง โดยไม่เจ็บ-ไม่ช้ำ เพราะ “อนุรักษนิยม” ต้องการใช้ประโยชน์ ด้วยการเป็นพรรคการเมืองที่ทัดทาน “ทักษิณ-เพื่อไทย” ไม่ให้เติบใหญ่มากกว่าเดิม

โดยการเลือกตั้งครั้งหน้า ปฏิเสธไม่ได้ว่า “เพื่อไทย” จะต้องขับเคี่ยวกับ “ก้าวไกล” เพื่อชิงความเป็นพรรคการเมืองอันดับหนึ่ง 

ทั้งสองพรรคจะตัดแต้มการเมือง ตัดเก้าอี้ สส.กันเอง หากไม่มีพรรคใดพรรคหนึ่ง พรรคที่เหลืออยู่จะได้จำนวนเก้าอี้ สส.สูงเกินกว่าจะคอนโทรลได้

ทว่า คำวินิจฉัยของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ซึ่งอาจนำไปสู่การยุบพรรค“ก้าวไกล” ในมือ กกต.และการตัดสิทธิทางการเมือง 44 สส. และอดีต สส. ในมือ ป.ป.ช. อาจสะท้อนให้เห็นว่า “อนุรักษนิยม” ไม่ต้องการใช้ประโยชน์จากก้าวไกล

จับตากลุ่มค้าความขัดแย้ง

อย่างไรก็ตาม เกมผูกขา “ทักษิณ” ต้องจับตาความเคลื่อนไหวของ “นักค้าความขัดแย้ง” ซึ่งจะเสนอตัวเป็นคนขับเคลื่อนประเด็นทางการเมือง ก่อนจะอาสาเป็นตัวเชื่อมให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง คอยเคลียร์ปมขัดแย้ง เพื่อหวังกอบโกยผลประโยชน์

โดยตัวละครในกระบวนการ ประกอบด้วย สว.บางกลุ่ม นักวิชาการ นักเคลื่อนไหว นักการเมือง อดีตนายทหาร ซึ่งทุกกลุ่มอยู่ฝั่งตรงข้ามทักษิณมาโดยตลอด

ดังนั้น เวลานี้ “ทักษิณ” จำเป็น-จำใจ ต้องอยู่ร่วมขั้วอนุรักษนิยมต่อไป เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง 

เพราะยิ่งมีกระแสข่าว“เพื่อไทย” มีทางเลือกพลิกขั้วจับมือ“ก้าวไกล”มากเท่าไร ตัวของ“ทักษิณ-ครอบครัวชินวัตร”ย่อมจะอยู่ในความเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น