'สนธิรัตน์'ร่วมเวที มองโอกาสทางธุรกิจซาอุดิอาระเบีย-ตลาดตะวันออกกลาง
“สนธิรัตน์" ร่วมเวที มองโอกาสทางธุรกิจในซาอุดิอาระเบีย-ตลาดตะวันออกกลาง แนะ SMEs ปรับตัวจับกระแส พัฒนาสินค้าตอบสนองตลาดให้ทัน ชม “ยักษ์เขียว” ตัวอย่างธุรกิจไทย ฉีกกรอบ มุ่งสู่โอกาสใหม่ในวิกฤตโลกร้อน
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ร่วมกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ปลดล็อกศักยภาพ โอกาสทางธุรกิจของประเทศไทย” (Unlocking Thailand’s Business Potential) ในงานเสวนาพิเศษความร่วมมือและโอกาสทางธุรกิจไทยในราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย และตะวันออกกลาง จัดโดยบริษัท ยักษ์เขียว จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจด้านเกษตรนวัตกรรม ฟาร์มต้นไม้ และการออกแบบภูมิสถาปัตย์ของไทยที่เจาะตลาดซาอุดิอาราเบีย และกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ
โดยมีวิทยากรทั้งจากฝ่ายนโยบาย ภาครัฐ และภาคเอกชน ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ อาทิ นายกรณ์ จาติกวนิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง Eng. Mohamed Sallem, Chief Strategy Officer, Arabian Peninsula Forest นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) นายวิเชฐ ตันติวานิช ประธานกรรมการบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) นายวรวุฒิ อุ่นใจ ผู้ก่อตั้ง บริษัท ออฟฟิศเมท (ไทย) จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท โอเคโอแอล จำกัด และนายโอฬาร วีระนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทยักษ์เขียว ณ โรงแรมแลงคาสเตอร์ กรุงเทพฯ
นายสนธิรัตน์ กล่าวปาฐกถาตอนหนึ่งว่า การค้าระหว่างประเทศของไทยในปี 2566 ที่ผ่านมานั้น เผชิญกับความท้าทายจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยภาพรวมการส่งออกของไทยปี 2566 หดตัว 1.0% ซึ่งตัวเลขการส่งออกของไทยในตลาดหลักอย่างประเทศสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.05% ขณะที่จีน อียู และอาเซียนนั้นตัวเลขการส่งออกลดลง โดยจีนลดลงถึง 2 ปีซ้อน อียูลดลง 4.21% และอาเซียนลดลงถึง 7.12% อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมีโอกาสในตลาดรอง เช่น ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้
โดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็นตลาดที่น่าจับตามองและยังคงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับกลุ่มเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพใหม่ๆ ที่ต้องจับกระแสและวัฒนธรรมการบริโภคให้ได้ เพื่อเป็นโอกาสใหม่ๆ สำหรับการลงทุน เนื่องจากตลาดตะวันออกกลางเป็นตลาดใหญ่ มีมูลค่าสูง และผู้บริโภคมีกำลังซื้อที่มาก
“ในสมัยที่ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เคยร่วมกับทูตพาณิชย์ นำนักธุรกิจไทยไปบุกเบิกตลาดตะวันออกกลาง ผมเห็นถึงศักยภาพ การต้อนรับ รวมถึงการเปิดโอกาสความร่วมมือให้กับคนไทย และผมเชื่อว่าวันนี้โอกาสของเราในตลาดตะวันออกกลางยังคงมีอยู่มาก แต่สิ่งสำคัญคือความสำเร็จในการบุกตลาดตะวันออกกลาง จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ภาครัฐต้องมีนโยบายที่สนับสนุน ภาคเอกชนต้องปรับตัวและพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาดด้วยเช่นกัน” นายสนธิรัตน์ กล่าว
นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า บริษัท ยักษ์เขียว ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างของภาคธุรกิจไทย ที่มองการณ์ไกล และเห็นโอกาสในวิกฤติของสภาพภูมิอากาศโลก ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาร่วมกัน วันนี้ ต้นไม้จะเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญและกลายเป็นสินค้าส่งออกเพื่อไปสร้างป่าและสร้างคาร์บอนเครดิตให้กับประเทศที่ยังขาดศักยภาพป่าไม้อย่างเช่นตะวันออกกลาง ถือเป็นการสร้างมิติใหม่ของการค้าและการส่งออก และการส่งออกต้นไม้จะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย
ซึ่งไม่เพียงเป็นช่องทางการสร้างรายได้ให้กับประเทศแต่ยังเป็นโอกาส ช่องทาง และอาชีพให้กับพี่น้องเกษตรกร และตนมองว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ควรจะมีการส่งเสริมให้เกิดความร่วมมืออย่างกว้างขวางในกลุ่มพี่น้องเกษตรกร นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ เพราะเป็นเรื่องสำคัญและมีประโยชน์เป็นอย่างยิ่งต่อประเทศไทยในอนาคต