‘เศรษฐา’ บนหลังเสือ เมื่อศูนย์อำนาจเปลี่ยน

‘เศรษฐา’ บนหลังเสือ เมื่อศูนย์อำนาจเปลี่ยน

ต้องไม่ลืมชื่อ แพทองธาร ชินวัตร ที่ความมั่นใจอาจพุ่งสูง ในวันที่พ่อกลับเข้าบ้าน จนอยากโชว์ฝีมือบริหารประเทศในพ่อภูมิใจสักครั้ง

Key Points

  • ทักษิณ ได้พักโทษ บ้านจันทร์ส่องหล้า ศูนย์กลางอำนาจสำคัญ ที่มีอิทธิพลต่อรัฐบาล 
  • เศรษฐา ที่ประกาศขี่หลังเสือ4ปี จะเป็นจริงตามพูด หรือทักษิณจะกำหนดอนาคตให้
  • ไทม์ไลน์ของการปรับครม. จับตา หลังปิดสมัยประชุมสภา 
  • แพทองธาร ในวันที่พ่ออยู่บ้าน ความมั่นใจอาจพุ่งสูง จนอยากสร้างความภูมิใจ ด้วยตำแหน่งนายกฯ !?

วันนี้ ทุกสายตาโฟกัสไปที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เข้าเกณฑ์พักโทษอย่างเป็นทางการ พ้นการจองจำออกมาสู่อิสระ

สปอตไลต์ย่อมจับไปที่อดีตนายกฯ มากกว่านายกฯ คนปัจจุบัน อย่างไม่ต้องสงสัย ทุกการขยับ จะถูกจับจ้องทุกฝีก้าว และถูกเชื่อมโยงทางการเมืองทุกมิติอย่างปฏิเสธไม่ได้

บ้านจันทร์ส่องหล้า ที่ถูกคาดหมายว่า ทักษิณจะใช้เป็นบ้านพัก จะกลับมาคึกคัก กลายเป็นศูนย์กลางอำนาจแห่งสำคัญ และจะมีอิทธิพลต่อรัฐบาลเต็มประตู

ส่วนจะส่งผลบวก หรือลบอย่างไรต่อตัว เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ที่ย้ำแล้วย้ำอีกว่า จะขี่หลังเสือ ครบเทอมรัฐบาล 4 ปี

สถานะรัฐบาลผสม ที่ร่วมกันลงรัฐนาวาข้ามขั้วครองอำนาจมา 5 เดือน ก็พยายามหยอด พยายามเติมความหวานให้กัน ดูได้จากบรรยากาศปาร์ตี้พรรคร่วมรัฐบาล ปิดห้องบอลลูมโรงแรมดังกลางเมือง กินดื่มเฉลิมฉลองกระชับสัมพันธ์กันสุดเหวี่ยง มองไปทางไหนอะไรๆ ก็ดูชื่นมื่นไปหมด

ความมั่นใจของเศรษฐา ที่ประกาศศักดา รัฐบาล 314 เสียงแข็งปึ้กในตอนนี้ แต่อนาคตอันใกล้และไกล ก็คงไม่มีใครรับประกันว่าจะเป็นแบบนี้ตลอดไป

มีหลายเรื่องที่รอเวลากระเพื่อม ทั้งในเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลเอง

เมกะโปรเจกต์อย่างแลนด์บริดจ์ ที่รัฐบาลตีปี๊บพีอาร์ไปทั่วโลก ว่าได้รับความสนใจมาลงทุนจากหลายประเทศนั้น

เอาเข้าจริง ปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจ และเป็นเรื่องที่คนในรัฐบาลเองก็รู้ดี คือ นักลงทุนที่สนใจโครงการแลนด์บริดจ์ หนึ่งในความกังวลสำคัญ คือเสถียรภาพรัฐบาล

เพราะถ้ามีปัจจัยความเปลี่ยนแปลงมากระทบกับรัฐบาล นักลงทุนก็กลัวจะกระทบกับโครงการ จนต้องปรับเปลี่ยนแนวทางหรือนโยบายตามมา

อีกไฮไลต์สำคัญที่ถูกพูดถึงตลอดคือการ ปรับครม. คีย์แมนจากพรรคร่วมรัฐบาลหลายคน ระบุสอดคล้องกันว่า ไทม์ไลน์ที่เหมาะสมน่าจะเกิดขึ้นหลังปิดสมัยประชุมสภา ประมาณปลายเดือนเมษายน หรือพฤษภาคมนี้

เมื่อวาระสำคัญในสภาที่ต้องอาศัยเสียงโหวตลงมติ เช่น ร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 67 เสร็จสิ้น ก็คลายกังวลเรื่องแรงกระเพื่อมไปเปราะหนึ่ง

ความเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งรัฐมนตรี จะเกิดขึ้นในเพื่อไทย และมีแนวโน้มสูงที่จะเกิดขึ้นกับพรรคร่วมรัฐบาล มากกว่า 1 พรรค

ทำเอาแกนนำในพรรคหนึ่งต้องจัดการลดแรงกระเพื่อมไปเรียบร้อย ที่เหลือก็แค่รอเวลามาถึงเท่านั้นว่า สิ่งที่ตกปากรับคำ จะเป็นไปตามนั้นหรือไม่

เส้นทางข้างหน้ารัฐบาล และกัปตันเศรษฐา ยังมีอะไรให้ต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมากมาย ผลสัมฤทธิ์ของงานเท่านั้นจะเป็นคำตอบ ไม่ใช่แค่พีอาร์

ถ้าระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์รัฐบาล ว่าการมาร่วมกันครองอำนาจนั้นเพื่อประชาชน หรือแค่รวมกันเฉพาะกิจ รอเวลาแยกย้ายแย่งชิงกันใหม่ในเกมต่อไป

กับจังหวะที่ทักษิณ ติดปีก แต่ยังไร้อิสรภาพเต็มร้อย คดีม.112 ยังคาราคาซัง แต่ใช่จะบริหารจัดการอะไรไม่ได้ บารมีทางการเมืองยังเต็มเปี่ยม

และต้องไม่ลืมชื่อ แพทองธาร ชินวัตร ที่ความมั่นใจอาจพุ่งสูง ในวันที่พ่อกลับเข้าบ้าน จนอยากโชว์ฝีมือบริหารประเทศในพ่อภูมิใจสักครั้ง