กมธ. เคาะ 'อานิสงส์' นิรโทษกรรมทุกสี นับตั้งแต่1 ม.ค.2548-ปัจจุบัน ปัดม.112
กมธ.นิรโทษกรรม ได้ข้อยุติ ทุกสีเสื้อรับ "อานิสงส์" นับตั้งแต่1 ม.ค.2548-ปัจจุบัน "ชูศักดิ์" เผยยึดเหตุการณ์เป็นตัวตั้ง หามูลเหตุจูงใจ-ปัดพ่วงคดี112 จ่อเรียกกลุ่มเคลื่อนไหวถกสัปดาห์หน้า ด้าน "นิกร" เผยรวบรวมข้อมูล50,000คดี พิจารณาประกอบ
ที่รัฐสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม กล่าวภายหลังการประชุม กมธ.ฯ ว่า เรามีมติให้เชิญบุคคลมาให้ข้อมูลในการประชุมครั้งหน้าวันที่ 14 มี.ค.ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง เพื่อขอทราบรายละเอียดในแต่ละเหตุการณ์รวมถึงคดีความ
โดยบุคคลที่จะเชิญมาให้ข้อมูลประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ อดีตผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) , นายถาวร เสนเนียม อดีตผู้ชุมนุมคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล อดีตผู้ชุมนุมกลุ่มเยาวชน , นายสุริยะใส กตะศิลา อดีตผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย , ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน , กลุ่มโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) เพื่อขอความเห็นในแต่ละเหตุการณ์ เพื่อมาประกอบการพิจารณา
ที่ประชุมได้ข้อยุติชัดเจนว่า การนิรโทษกรรมจะนับรวมเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2548 จนถึงปัจจุบัน เพื่อจำกัดขอบเขตอำนาจหน้าที่ที่ชัดเจน
ขณะเดียวกันจะไปดูการกระทำที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นๆว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง เพื่อหาเหตุจูงใจทางการเมือง โดยมอบนายนิกร จำนง เลขาธิการกมธ.ไปรวบรวมข้อมูลซึ่งจะพิจารณาในการประชุมในสัปดาห์ถัดไปต่อจากการเข้าชี้แจงของกลุ่มการเมืองในสัปดาห์หน้า
ด้าน นายนิกร ในฐานะประธานคณะอนุกรรมมาธิการพิจารณาข้อมูลและสถิติคดีความผิดอันเนื่องมาจากแรงจูงใจทางการเมือง ว่า ขณะนี้ข้อมูลที่อนุกมธ.มีราว 50,000 คดี รวมถึงคดีที่เกิดขึ้นหลังปี 2563 วันนี้ประธานกมธ.ได้ลงนามส่งไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)และศาลทหารให้ส่งข้อมูลมาเพื่อประกอบกับข้อมูลที่เรามีเพื่อพิจารณาถึงเหตุการณ์ต่างๆต่อไป ทั้งนี้ในวันพุธที่13มี.ค.
นายนิกร ย้ำว่า อนุกรรมาธิการฯ จะรวบรวมคดีที่มีมูลเหตุจากแรงจูงใจทางการเมืองซึ่งเป็นคำที่ใช้ในหลายกรรมาธิการและหลายประเทศ ต้องดูกรอบก่อนว่ามีแรงจูงใจอย่างไร เช่น ในช่วงกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างหนึ่ง ในช่วงกปปส.ก็มีแรงจูงใจอย่างหนึ่ง ซึ่งเราต้องดูแต่ละเหตุการณ์เพื่อหาข้อสรุปชุดใหญ่
เมื่อถามว่า กรณีไหนจะไม่เข้าข่ายในการพิจารณา นายนิกร ย้ำว่า ตอนนี้จะยังไม่พิจารณาเราดูคดีมาก่อน คำนิยามที่ต้องหาคือมูลเหตุที่เกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง
ถามย้ำว่า รวมไปถึงในส่วนของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 ด้วยหรือไม่ ชายชูศักดิ์ กล่าวเสริมว่า ยังไม่พิจารณาถึงเรื่องนั้น เราสรุปว่าเราไปดูเหตุการณ์ ที่จะเป็นตัวกำหนดตั้งแต่ปี2548 มีอะไรบ้าง และมีมูลเหตุอย่างไร ถ้าเราเอาเหตุการณ์เป็นตัวตั้งจะรู้ว่ามีคดีอะไรหรือมูลเหตุอะไรบ้าง