พท.เมินซักฟอก แตะ‘ทักษิณ’ เตือนเกินเลยต้องรับผิดชอบ
‘เพื่อไทย’ พร้อมตั้งรับ ‘ฝ่ายค้านซักฟอก’ ปมอาการป่วย ‘ทักษิณ’ ขู่อภิปรายเกินเลยต้องรับผิดชอบ พร้อมกำชับสส.ถกงบวาระ2-3
ที่รัฐสภา นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม รองประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิปพรรคร่วมรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีที่การอภิปรายทั่วไปของสส.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา152 และ สว.ตามมาตรา153 จะอภิปรายถึงอาการป่วยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่ได้ท้าเรื่องนี้ แต่ข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริง ดูจากหน้างาน วันนี้ท่านอดีตนายกฯ ทักษิณ เป็นบุคคลภายนอก หากมีการอภิปรายใส่ร้ายกัน หรือถ้าอภิปรายเป็นเรื่องส่วนตัว เราถือว่าผิดข้อบังคับ ก็ต้องประท้วงกัน ชี้แจงกัน ดีไม่ดีอาจจะเป็นความผิดที่นำไปสู่การฟ้องร้องกันได้
นายครูมานิตย์ กล่าวต่อว่า วันนี้ไม่มีการหารือกันในเรื่องนี้ ปล่อยให้เป็นไปตามปกติ เพราะที่ผ่านมาตนเข้าใจว่า สังคมรับทราบ คนที่ไม่ยอมรับทราบก็คือคนไม่ยอมรับทราบ คนที่ยอมรับทราบก็คือคนที่ยอมทราบ ตนคิดว่าวันนี้ มันไกลไปมากแล้ว สำหรับอาการป่วยของนายทักษิณ เพราะท่านก็ออกมาจากโรงพยาบาลได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว ตอนที่อยู่โรงพยาบาลก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันทุกวัน
นายครูมานิตย์ ยืนยันว่า ไม่ได้หนักใจอะไร แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไปท้าทาย เพราะ สส. โดยเฉพาะ สส.ฝ่ายรัฐบาล ก็ไม่มีความจำเป็นอะไร ที่จะไปท้าทาย ตนเชื่อว่า รัฐบาลภายใต้ท่านนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน พร้อมที่จะตอบทุกคำถาม นายทวี สอดส่อง ซึ่งรับผิดชอบกระทรวงยุติธรรมโดยตรง หลายครั้งก็มาตอบกระทู้สด และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเรื่องนี้ ยืนยันว่าไม่ได้กังวลอะไร
ส่วนการลงพื้นที่ของนายทักษิณนั้น ตนคงยังประเมินอะไรไม่ได้ ส่วนหนึ่งของคนที่รักนายทักษิณก็แห่ไปให้กำลังใจกันมากมายทีเดียว ไม่ใช่เฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ หรือภาคเหนือ แม้แต่คนอีสานเอง ก็ยังยกขบวนกันไป ตนเชื่อว่า ความเป็นห่วงเป็นใยระหว่างนายทักษิณ กับพี่น้องประชาชนที่มีความศรัทธาในตัวนายทักษิณ
“17 ปีไปอยู่ต่างประเทศ ถ้าไม่ใช่คนชื่อทักษิณ ชินวัตร พี่น้องประชาชนคนไทยคงลืม แต่นี่พิสูจน์ให้เห็นว่า 17 ปี มิได้จางหายเลย ฉะนั้น เป็นเรื่องปกติของความศรัทธา แต่เรื่องอย่างอื่นที่เกี่ยวกับกระบวนการทางการเมืองนั้น ผมว่าวันนี้มันยังไกลไป เรื่องความศรัทธา ความรัก ผมเชื่อว่า ยังคงมีเต็มเปี่ยมกับคนจำนวนไม่น้อยทีเดียว ที่พิสูจน์ให้เห็นชัดว่า บางคนร้องไห้ บางคนน้ำตาไหลก็ได้เห็นกัน“ นายครูมานิตย์ กล่าว
ส่วนการเตรียมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วาระที่ 2-3 ในวันที่ 20- 22 มี.ค.67 นี้ นายครูมานิตย์ กล่าวว่า เป็นงานปกติ ในวันนี้จะมีการพูดคุยกันถึงกรอบระยะเวลาว่า แต่ละพรรคจะรับเวลาไปกี่ชั่วโมงในการอภิปราย
ใตส่วนของพรรคเพื่อไทยได้กำหนดบุคคลที่จะแปรญัตติไว้ว่าไม่ควรอภิปรายเกิน 3 หัวข้อ เนื่องจากมีเวลาจำกัด โดยฝ่ายค้านมี 22 ชม. ฝ่ายรัฐบาล และสส.ฝั่งรัฐบาล 6 ชม และประธานสภาฯ 2 ชม. จึงพยายามบีบเวลาให้เหลือน้อยที่สุด แต่ไม่ได้กลัวอะไร เพราะในชั้นกรรมาธิการ(กมธ.)มีการถกจนสะเด็ดน้ำแล้ว รวมถึงต้องขอชมเชย กมธ.ในปีนี้ ว่าทำงานได้รวดเร็วมาก ลดเวลามาได้ถึงสองสัปดาห์
เมื่อถามว่าในวาระ 2 และ 3 จะมีการกำชับ สส.ฝั่งรัฐบาลหรือไม่เนื่องจากมีการลงมติรายมาตรา นายครูมานิตย์ กล่าวว่า แน่นอน ไม่ใช่เฉพาะเรื่องงบประมาณ ทุกเรื่องได้กำชับกันมาตลอด เรื่ององค์ประชุมนั้นเป็นเรื่องสำคัญ การเมืองหลังจากนี้ไป หากผู้แทนฝ่ายรัฐบาลไม่อยู่ในห้อง ฝ่ายค้านขอตรวจสอบองค์ประชุมและเกิด องค์ประชุมล่ม ถือเป็นความเสียหายที่ต้องรับผิดชอบ ถือเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และเป็นความรับผิดชอบอย่างรุนแรงสำหรับผู้เป็นตัวแทนราษฎร
ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯวาระ 2-3 เป็นการอภิปรายในประเด็นที่มีการขอแปรญัตติ ขอสงวนคำแปรญัตติ ว่ามีเหตุผลมากน้อยเพียงใด เท่าที่ตนดูแต่ละมาตราก็มีการเสนอคำแปรญัตติไว้มาก แต่ประเด็นอยู่ที่ยอดงบประมาณที่รัฐบาลตั้งไว้ จะปรับเพิ่มหรือ ลด ให้กระทรรวงไหนเท่านั้น