ถกงบวาระ2 ไฟเขียวเพิ่ม'งบกลาง'เป็น 6.14 แสนล้าน "มนพร" แจงสภา ปัดตีเช็คเปล่า
วันแรกสภาผู้แทนราษฎร ถกงบวาระ2 เจาะไฮไลท์ มติไฟเขียวตามกมธ.เสียงมาก เพิ่มงบกลางจากเดิม6.06 แสนล้านบาท เป็น6.14 แสนล้านบาท "มนพร" แจงสภา ปัดตีเช็คเปล่า
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท วาระ 2 - 3 เรียงตามรายมาตรา ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 พิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เวลา9.00 น. โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะ กมธ.ฯ กล่าวสรุปรายงานของคณะ กมธ.ว่า ในชั้นกมธ. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณารายละเอียดงบประมาณรายจ่ายฯ จำนวน 8 คณะ
ได้ปรับลดงบประมาณลง 9,204 ล้านบาท โดยได้พิจารณาให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล และแผนยุทธศาสตร์ชาติ ตลอดจนเป้าหมายและผลการดำเนินงานจริง ความคุ้มค่า ความพร้อม และศักยภาพในการใช้จ่าย
ขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้พิจารณาอนุมัติให้มีการเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่าย ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงงบประมาณ จากสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข แผนงานบุคลากรภาครัฐ รายการบุคลากรภาครัฐ จำนวน 191 ล้านบาท ไปเป็นงบประมาณรายจ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเป็นเงินอุดหนุน สำหรับสนับสนุนการถ่ายโอนบุคลากรสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษานวมินทราชินี และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด 43 แห่ง ซึ่งเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตาม พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542
ขอขอบคุณคณะกรรมาธิการวิสามัญที่ให้ความสำคัญ เสียสละเวลา ร่วมมือการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ อย่างเต็มที่จนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พร้อมขอบคุณหัวหน้าหน่วยรับงบประมาณทุกท่านที่ให้การชี้แจงเป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน
จากนั้นที่ประชุมได้เข้าสู่การพิจารณารายมาตรา ไฮไลท์สำคัญวันแรก อยู่ที่มาตรา6 งบกลาง ซึ่งฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่า มีการโอนงบไปอยู่ในงบกลางกว่า 8 พันล้านบาทแต่มีการใช้ผิดวัตถุประสงค์
อาทิ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ส่วนตัวตัดลดงบในภาพรวมลง 3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลเศรษฐาเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าและไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่ได้เกิดจากการที่ พ.ร.บ.งบประมาณ 2567 ออกล่าช้า เพราะจากงบจำนวน 3.48 ล้านล้านบาท สำนักงบประมาณได้อนุมัติให้รัฐบาลใช้ไปพลางก่อนแล้วกว่า 1.8 ล้านล้านบาท แต่ก็ยังเกิดการเบิกจ่ายล่าช้าเพราะรัฐบาลขาดประสิทธิภาพในการเร่งรัดการเบิกจ่าย
จากงบประมาณที่ได้รับอนุมัติให้ใช้ไปพลางก่อน 1.8 ล้านล้านบาท ข้อมูลจนถึงวันที่ 15 มีนาคม 2567 รัฐบาลเบิกจ่ายรายจ่ายประจำไปแค่ร้อยละ 79 เท่านั้น ส่วนรายจ่ายลงทุนที่จัดสรรไว้ 1.5 แสนล้านบาทก็มีการเบิกจ่ายไปเพียง 8.5 หมื่นล้านบาท หรือร้อยละ 55 เท่านั้น รวมทั้งสองส่วนรัฐบาลเบิกจ่ายไปแค่ร้อยละ 76.9
ดังนั้น ตนจึงคิดว่าถ้ารัฐบาลจะขาดประสิทธิภาพในการเบิกจ่ายงบประมาณขนาดนี้ ก็ไม่สมควรที่จะนำงบประมาณไปใช้ทั้ง 3.48 ล้านล้านบาท และเห็นควรให้ตัดลดลง 3 หมื่นล้านบาท
ด้านนางมนพร เจริญศรี รมช. คมนาคม ในฐานะกมธ.ชี้แจงว่า งบกลางในส่วนของเงินสำรองจ่าย มีการเบิกจ่ายต่ำเนื่องจากสำนักงบประมาณมีการพิจารณาจากความสามารถในการใช้จ่ายตามระเบียบ รวมทั้งแผนการใช้จ่าย ซึ่งการของบประมาณในส่วนของงบกลางส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงจะสิ้นปี อาทิ ในส่วนของงบกลางในรายการเบี้ยหวัดบำเน็จบำบาญ และรายการค่าใช่จ่ายค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการ ลูกจ้างและพนักงานของรัฐคาดว่าปี2567คงจะไม่เพียงพอการเบิกจ่ายไปจนถึงสิ้นปีงบประมาณ โดยการตั้งงบประมาณในรอบ1ปีงบประมาณเท่านั้น การตั้งงบประมาณจึงเป็นไปตามสมมุติฐานที่คาดการณ์ว่าภาครัฐจะเบิกจ่าย
อย่างไรก็ตามการเบิกจ่ายทั้งหมดจะเป็นไปตามสิทธิการขอใช้สิทธิในการใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามความจริง ซึ่งเป็นเป็นระดับจุลภาคที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้จึงทำให้มีบางรายการที่มีความคลาดเคลื่อนเช่นกัน
ทั้งนี้กรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการใช้งบกลางที่ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์นั้น การจัดสรรงบเป็นการสำรองจ่ายใช้ในกรณีฉุกเฉินเป็นเงินกว่า99.5ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ2.86 แต่คาดการณ์ว่างบประมาณที่ตั้งไว้ จะเป็นงบประมาณที่มีความจำเป็นที่จะต้องจัดสรร อาทิ กรณีการป้องกันและบรรเทาสถานการณ์ที่มีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนต่อความมั่นคงของรัฐ และความจำเป็นต่อการบรรเทาผลกระทบจากภัยพิบัติร้ายแรง เป็นต้น
ส่วนกรณีที่ถูกมองว่างบกลางเป็นการตีเช็คเปล่านั้น ขอเรียนว่างบกลางคืองบประมาณร่ายจ่ายประจำปีที่ถูกจัดสรรให้หน่วยงานเพิ่มเติมจากงบประมาณปกติที่ไม่สามารถจัดสรรงบประมาณได้ ซึ่งโครงการต่างๆได้ผ่านความเห็นชอบจากครม.แล้วจึงเสนอมายังกมธ.งบฯซึ่งมาจากทุกพรรคการเมือง ดังนั้นงบประมาณใดๆก็ตามนายกรัฐมนตรีรวมถึงรัฐบาลจะมีคำตอบและคำชี้แจงจากรัฐบาลทุกโครงการ
"ยืนยันว่า รัฐบาลที่มากจากการเลือกตั้งเราจะบริหารงบประมาณอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้"
หลังสมาชิกมีการอภิปรายเสร็จสิ้น ที่ประชุมมีมติ 444 ต่อ0 เห็นด้วยว่า ควรมีการแก้ไขมาตราดังกล่าว โดยมีผู้งดออกเสียง2
จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติอีกครั้งว่าจะมีการแก้ไขตามกมธ.งบฯเสียงข้างมากที่ให้เพิ่มงบกลางเป็น 6.14 แสนล้านบาท จากเดิม6.06 แสนล้านบาท หรือไม่
ผลปรากฎว่าที่ประชุม 279ต่อ158 เห็นด้วยตามที่กมธ.เสียงข้างมากแก้ไข โดยมีผู้งดออกเสียง1 เสียง