ป.ป.ช.เล็งแก้ประกาศ'สรรพากร-สรรพสามิต-ตร. ' ยื่น'บัญชีทรัพย์สิน'

ป.ป.ช.เล็งแก้ประกาศ'สรรพากร-สรรพสามิต-ตร. ' ยื่น'บัญชีทรัพย์สิน'

ประธานวุฒิสภา ขอสมาชิกรัฐสภายื่น "บัญชีทรัพย์สิน" แสดงความบริสุทธิ์ใจ-ใช้อำนาจหาประโยชน์ ด้านประธานป.ป.ช. เผยเล็งแก้ประกาศให้ “สรรพากร-สรรพสามิต-ตร. " ยื่นทรัพย์สิน

ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานพิธีเปิดการสัมมนากิจกรรมเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ภายใต้โครงการ สร้างระบบนิติบัญญัติให้สุจริต โปร่งใส และยกระดับการตรวจสอบจริยธรรมของสมาชิกรัฐสภาและบุคคลในวงงานรัฐสภาด้วยพลังพลเมือง

โดยมีนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช. และนายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และบุคคลากรในวงงานรัฐสภา เข้าร่วม

นายอิสระ กล่าวว่า สถาบันพระปกเกล้า ในฐานะสถาบันวิชาการในกำกับของประธานรัฐสภา มีหน้าที่สำคัญในการสร้างความรู้ พัฒนาทักษะการปฏิบัติงานและส่งเสริมค่านิยม ของนักการเมืองให้มีเจตนารมณ์ในการทำตนเป็นแบบอย่างที่ดี มีคุณธรรม จริยธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมและในปัจจุบันนี้ บุคคลในวงงานนิติบัญญัติซึ่งมีตำแหน่งเป็นนักการเมืองหรือมีตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งอาจยังขาดความเข้าใจในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเจ้าหน้าที่รัฐ อันเป็นข้อกำหนดสำคัญที่ต้องปฏิบัติทั้งก่อนการดำรงตำแหน่งและภายหลังการออกจากตำแหน่ง 

“การสัมมนาในครั้งนี้เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน รวมไปถึงสร้างการตระหนัก รู้ในความสำคัญและความจำเป็นของการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความ สุจริตและโปร่งใสต่อไป”นายอิสระ กล่าว

นายพรเพชร กล่าวว่า การยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน เป็นเรื่องที่มีความสำคัญกับสมาชิกรัฐสภาเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากถือเป็นหน้าที่เฉพาะตัว ที่กฎหมายกำหนดให้ต้องกระทำ ซึ่งหากสมาชิกรัฐสภาจงใจไม่ยื่นบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้ สิน หรือจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบอาจนำไปสู่การฟ้องร้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งมีโทษทางอาญาตามกฎหมาย ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ เป็นแนวคิดการแสดงความบริสุทธิ์ใจของสมาชิกว่ามีกิจการ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อย่างใด เพื่อให้หน่วยงาน ที่รับผิดชอบตรวจสอบ และเปิดเผยต่อประชาชนให้รับทราบ เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกหลายคน อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์ หรือทรัพย์สินที่มิควรได้สำหรับตนเอง หรือผู้อื่น 

“การเปิดเผยข้อมูลทรัพย์สินให้ประชาชนได้รับทราบ จึงเปรียบเสมือนการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า จะไม่กระทำการใดอันเป็นการใช้อำนาจเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ตนเอง อันเป็นสาระสำคัญของการเปิดเผย บัญชีทรัพย์สินฯ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้”นายพรเพชร กล่าว

ด้านพล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ระบบการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน ในหน้าที่ของป.ป.ช.นั้นนอกจากต้องตรวจสอบเรื่องความถูกต้องและ การมีของทรัพย์สินหนี้สินแล้ว เราต้องเน้นการตรวจสอบเรื่องความเคลื่อนไหวการเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินด้วย เพราะการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินที่ผิดปกตินำไปสู่ความร่ำรวยผิดปกติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งวัตถุประสงค์ที่ต้องการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน ก็เพื่อสร้างความโปร่งใสให้ระบบการเมืองและระบบราชการ และสำคัญที่สุดไม่ใช่เรื่องจับผิดแต่เป็นการส่งเสริมการมีคุณธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเจ้าหน้าที่ของรัฐให้เกิดขึ้น และมีเป้าหมาย เพื่อเป็นมาตรการในการส่งเสริมการปราบปรามการทุจริต เพราะผลประโยชน์ที่ได้จากการทุจริตจะถูกแปลงเป็นทรัพย์สินอื่นไม่ว่าทางใดทางหนึ่งเพื่อปิดบังซ่อนเร้นทรัพย์สินที่ได้มาจากการคอรัปชั่น 

“มาตรการการยื่นบัญชีทรัพย์สินก็จะส่งเสริมด้านการปราบปรามและเพื่อเป็นการป้องกันการทุจริต และเป็นการคัดกรองบุคคลเมื่อเข้าสู่ตำแหน่ง เพื่อเป็นการปิดโอกาสไม่ให้ผู้ที่มีความไม่สุจริตได้มีโอกาสเข้าสู่ตำแหน่งสูงและใช้ตำแหน่งหน้าที่นั้นในการกระทำการทุจริต การเปิดเผยทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐเมื่อยื่นแล้วป.ป.ช.ตรวจสอบแล้ว ต้องเปิดเผย เพื่อให้คนที่มีอำนาจในการตรวจสอบสูงสุดคือประชาชนและสื่อมวลชนเข้าไปตรวจสอบว่าทรัพย์สินที่มีการเปิดเผยมีการยื่นไปโดยเจ้าหน้าที่รัฐผู้นั้นหรือพนักงานรัฐผู้นั้นครบถ้วนหรือไม่ เพราะคนที่รู้ดีที่สุดอาจจะเป็นพี่น้องประชาชนที่เข้าไปสัมผัส ตรงนี้อาจจะเป็นอำนาจหรือเราจะเรียกว่า ประชาชนจะมาช่วยกันเป่านกหวีด เมื่อพบการทุจริต”พล.ต.อ.วัชรพล กล่าว 

ประธานป.ป.ช. กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรรมการป.ป.ช.ต้องยื่นทรัพย์สินและหนี้สินต่อประธานวุฒิสภา ซึ่งป.ป.ช.ถูกตรวจเข้มโดยวุฒิสภา เพราะตรวจเพียง 9 คน และตนก็ยังเคยถูกให้ยื่นเอกสารเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ตุลาการศาลยุติธรรม ตามมาตรา 102 และยังมีเจ้าพนักงานของรัฐตามที่กรรมการป.ป.ช.กำหนด รวมถึงพนักงานเจ้าหน้าที่ สำนักงานป.ป.ช.ตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการกองขึ้นไป พนักงานไต่สวน เจ้าพนักงานตรวจสอบ ที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินด้วยเช่นกัน

"ในอนาคตป.ป.ช. เสนอแก้ไขประกาศเพิ่มเติมเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ กลุ่มอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง เช่นกรมสรรพากร กรมสรรพสามิตและตำรวจ ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน หนี้สินต่อป.ป.ช. ทั้งหมด เพราะมีโอกาสที่จะประพฤติมิชอบได้ โดยให้ยื่นเอาไว้ ทั้งหมดและหากวันใดที่มีเรื่องกล่าวหาก็สามารถหยิบยกขึ้นมา และตรวจสอบเปรียบเทียบได้"

ประธานป.ป.ช.ยังกล่าวว่า ส่วนที่มีความกังวลว่า เจ้าหน้าที่อาจจะไม่เพียงพอเนื่องจากหากให้เจ้าหน้าที่ยื่นทั้งหมดจะมีจำนวนมากนั้น ประธานปปชระบุว่าจะดูในเคสที่มี ข้อกล่าวหาเท่านั้นซึ่งปัจจุบันคนที่ยื่นบัญชีกับป.ป.ช.ก็มีการตรวจสอบทั้งหมด