'ชัยธวัช' ปลุกขวัญสู้คดียุบพรรค ชี้ข้างหน้ามีแสงสว่าง มาไกลเกินกว่าจะถอย
‘ชัยธวัช’ ปลุกขวัญสู้คดียุบพรรค ชี้มีแต่แสงสว่างอยู่ข้างหน้า ย้ำการเมืองแบบ ‘ก้าวไกล’ คือสิ่งที่ ปชช.ต้องการ อย่าหวั่นพายุใหญ่ มาไกลเกินกว่าจะถอย-พ่ายแพ้ เปิด 3 ภารกิจปฏิรูปพรรค-ฝ่ายค้านเชิงรุก ฝากบอกผู้มีอำนาจไม่ใช่ภัยคุกคามของใคร
เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2567 ที่โรงแรมเมเปิล ย่านบางนา กทม. พรรคก้าวไกล จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคก้าวไกล โดยมีคณะกรรมการบริหารพรรค สส. และ สก. รวมถึงตัวแทนสมาชิกพรรคจากทั่วประเทศเข้าร่วมประชุม โดยนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวกับสมาชิกตอนหนึ่งว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมใหญ่สามัญครั้งแรกหลังการเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2566 นับตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่และเปลี่ยนมาเป็นพรรคก้าวไกล เรามีความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญมากๆ สิ่งที่ถือว่าพวกเราได้ช่วยกันร่วมแรงร่วมใจกันทุกองคาพยพในการทำงานอย่างหนัก ตั้งแต่ระดับพื้นที่ ไปจนถึงระดับชาติ และสามารถพิสูจน์ตนเองให้กับพี่น้องประชาชนได้ เป็นผลสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จที่สุดในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมา ด้วยการได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเป็นพรรคอันดับที่หนึ่งด้วยจำนวน สส.151 ที่นั่ง ถือว่าเป็นความสำเร็จของพวกเราทุกคน ตนในฐานะหัวหน้าพรรคต้องขอขอบคุณทุกคนทั้งที่อยู่และไม่ได้อยู่ที่นี่ในวันนี้
นายชัยธวัช กล่าวว่า ที่สำคัญหลังการเลือกตั้งทุกการสำรวจความนิยมความเห็นของพี่น้องประชาชนต่อพรรคการเมืองและเกี่ยวกับตำแหน่งผู้นำประเทศที่ประชาชนอยากเห็น ความนิยม การยอมรับของพวกเราจากพี่น้องประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีแผ่ว จนวันนี้นักวิเคราะห์การเมือง ผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองมีความเห็นว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพรรคก้าวไกล เราจะเป็นพรรคที่ครองความนิยมจากพี่น้องประชาชนเป็นอันดับหนึ่งอีกแน่นอนในการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่ประเด็นสำคัญที่ตนอยากจะสื่อสารกับพวกเราในวันนี้ไม่ใช่สิ่งที่พูดไปสักครู่นี้ ตนคิดว่าประเด็นสำคัญคือผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาประกอบกับผลสำรวจความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนหลังการเลือกตั้งสะท้อนว่าการเมืองแบบอนาคตใหม่ การเมืองแบบก้าวไกลนี่แหล่ะ คือสิ่งที่พี่น้องประชาชนต้องการ
หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การเมืองแบบก้าวไกลที่ก่อนหน้านี้สังคมไทยไม่เชื่อว่าจะสามารถประสบความสำเร็จได้ในการเมืองไทยที่เป็นจริง ก่อนหน้านี้สังคมไทยไม่เชื่อว่าการเมืองที่ไม่ใช้อำนาจ ไม่ใช้อิทธิพล ไม่ใช้ระบบอุปถัมภ์ รวมถึงไม่ใช้เงินทองในการซื้อเสียงจะสามารถชนะการเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่งได้ในประเทศนี้ แต่ผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ได้ทำลายเพดานความคิดนี้ไปแล้ว วันนี้สังคมไทยเชื่อแล้วว่าการเมืองแบบก้าวไกล ที่ให้ความสำคัญกับการทำงานความคิด การนำเสนอนโยบาย การเมืองที่ทำงานแบบตรงไปตรงมา เน้นคุณภาพ การเมืองที่เกิดจากพรรคการเมืองที่พี่น้องประชาชนช่วยกันสร้างคนละไม้คนละมือ มันประสบความสำเร็จได้จริงๆ ในการเมืองของไทย การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของการเมืองและสังคมไทยได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เมื่อความคิด ความเชื่อ และความเป็นจริงได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว มันหมายความว่าวันนี้พี่น้องประชาชนเห็นและเชื่อมั่น มีความหวัง ว่าเราสามารถร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศของพวกเราได้ ในแบบที่เราเคยฝันไว้ในอดีต ผ่านการเมืองในระบบรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้ง นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดของความสำเร็จที่พวกเราได้ทำร่วมกันในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า ดังนั้นในสถานการณ์ที่พวกเราปฏิเสธไม่ได้ว่ากำลังเผชิญพายุใหญ่ในทางการเมือง คลื่นลมกำลังแรงใช่หรือไม่ หลายคนอาจจะหวั่นไหว หลายคนอยู่ในพื้นที่ทราบว่าประชาชนถามไถ่ทุกวัน ว่าจะเป็นอย่างไร ให้กำลังใจ และมีความกังวลกับพรรคของพวกเรา แต่ถ้าเราย้อนคิดในสิ่งที่ตนได้พูดไปในช่วงแรก เราจะเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงมันมาไกลมากแล้ว ไกลเกินกว่าที่การเมืองแบบก้าวไกลจะถอยหลังหรือพ่ายแพ้แล้ว
“ในสถานการณ์ที่เผชิญคลื่นลมแรงแบบนี้ ผมยืนยันว่าพวกเราไม่มีอะไรต้องหวั่นไหว เพราะคนที่หวั่นไหวคือคนที่อยากจะทำลายพรรคก้าวไกล คนที่หวั่นไหวไม่ใช่เรา แต่คนที่หวั่นไหวคือคนที่อยากจะทำลายพรรคการเมืองที่พี่น้องประชาชนต้องการ แต่ผมยืนยันว่ามาถึงวันนี้ไม่มีใครสามารถทำลายความคิด ความเชื่อ และความหวังของพี่น้องประชาชนได้อีกแล้ว ไม่มีใครสามารถทำลายและหยุดยั้งความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยได้อีก มองแบบนี้ มองไปข้างหน้า ภารกิจของพรรคก้าวไกลหลังจากนี้ ไม่ใช่หวั่นไหว มีแต่เดินหน้าเต็มร้อย มั่นคง แน่วแน่ในเป้าหมายและอุดมการณ์”นายชัยธวัช กล่าว
นายชัยธวัช กล่าวด้วยว่า ทำพรรคก้าวไกลให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น ตอบสนองตอบโจทย์ของพี่น้องประชาชนมากขึ้น ด้วยเป้าหมายภารกิจ 3 ประการ เรื่องแรก ช่วยกันสานต่อปฏิรูปพรรคอย่างต่อเนื่อง เรียนรู้จากปัญหาและความผิดพลาดภายในของเรา แล้วคิดค้นแนวทางการทำงานใหม่ๆ ที่จะฝ่าฟันปัญหาและความท้าทายเพื่อเป้าหมายทำพรรคก้าวไกลให้เป็นสถาบันทางการเมืองของประชาชน ทำให้พรรคการเมืองพรรคนี้สมาชิกและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมเป็นเจ้าของร่วมขับเคลื่อน เป็นพรรคการเมืองที่เราอยากเห็นจริงๆ ปฏิรูปพรรคอย่างต่อเนื่อง สร้างความเข้มแข็งจากรากฐานที่แท้จริง ประการที่สอง เดินหน้าเป็นฝ่ายค้านเชิงรุกให้พี่น้องประชาชนเห็น แม้จะเป็นฝ่ายค้านที่ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหาร แต่ฝ่ายค้านเชิงรุกเป้าหมายของเราคือการเตรียมพร้อมเป็นพรรคการเมืองเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดสำหรับพี่น้องประชาชนในการเลือกตั้งครั้งหน้า ดังนั้นระหว่างยังเป็นฝ่ายค้านต้องใช้ทุกกลไกทุกพื้นที่ทั้งในและนอกสภาในการผลักดันวาระที่ก้าวหน้าเพื่อแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชน ในการเตรียมบุคลากรเตรียมนโยบายในระดับปฏิบัติ เตรียมแนวทางเตรียมโรดแม็พในการนำเสนอสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสิ่งที่พี่น้องประชาชนต้องการจริงๆ นี่คือภารกิจของฝ่ายค้านเชิงรุก
“สุดท้ายพวกเราทุกองคาพยพต้องช่วยกันทำงาน อย่างสุดความสามารถเพื่อพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติ ด้วยการทำงานจริง แสดงให้สังคมไทยเห็นแสดงให้ผู้มีอำนาจได้ประจักษ์ว่าพรรคก้าวไกลไม่ใช่ภัยคุกคามของสังคมไทย เราไม่ใช่ภัยคุกคามของใคร แต่พรรคก้าวไกลจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดของสังคมไทย พรรคก้าวไกลจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสังคมไทยในอดีต เพื่อเดินหน้าไปสู่อนาคต เราจะเป็นคนที่เชื่อมอดีตที่มีข้อจำกัดที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงเดินหน้าไปสู่อนาคตให้พวกเราเท่าเทียมกันเท่าทันโลก เราเท่านั้นเป็นคำตอบสุดท้าย นี่คือสิ่งที่พวกเราจะได้พูดคุยและทำงานร่วมกันหลังการประชุมใหญ่ ต่อไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอให้พวกเราไม่ต้องกังวล อย่างที่ผมบอกไม่มีอะไรต้องกังวล มีแต่แสงสว่างอยู่ข้างหน้า” นายชัยธวัช กล่าว