ป.ป.ช.ฟันผิดจริยธรรม 2 สส. 'ศุภชัย-สุชาติ' ถือครองที่ดินรัฐมิชอบ
ป.ป.ช.ฟันผิดจริยธรรมร้ายแรง 2 อดีต สส. 'ศุภชัย โพธิ์สุ' อดีตรองประธานสภาฯ สมัยนั่งเก้าอี้ รมช.เกษตรฯ ถือครองที่ดิน น.ส.2 โดยไม่มีคุณสมบัติ 'สุชาติ ภิญโญ' สส.โคราช โดนด้วย มี ภ.บ.ท. 5 วังน้ำเขียว ชงศาลฎีกาต่อ
เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2567 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญเกี่ยวกับกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จำนวน 2 เรื่อง ดังนี้
เรื่องที่ 1 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนเพื่อดำเนินการไต่สวน กรณีกล่าวหา นายศุภชัย โพธิ์สุ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนม ยึดถือครอบครองและเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน น.ส. 2 หรือใบจอง ในโครงการจัดที่ดินผืนใหญ่แปลงป่าดงพะทาย ท้องที่อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม โดยการซื้อที่ดินและไม่มีหลักฐานใบจองที่ดิน จำนวน 40 แปลง เนื้อที่ 220 ไร่
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า นายศุภชัย โพธิ์สุ ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2551 กรณีเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 และกรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 โดยแจ้งว่าครอบครองที่ดินประเภทใบจอง (น.ส. 2) ในท้องที่ตำบลพะทาย อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม จำนวน 40 แปลง เนื้อที่รวม 220 ไร่
(ศุภชัย โพธิ์สุ อดีตรองประธานสภาฯ, อดีต รมช.เกษตรฯ, อดีต สส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย)
จากการตรวจสอบพบว่า เมื่อปี พ.ศ. 2532 ถึงปี พ.ศ. 2534 นายศุภชัย โพธิ์สุ ซึ่งเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับการจัดสรรที่ดินและเป็นผู้ไม่ได้รับการจัดสรรที่ดินและใบจองในโครงการจัดที่ดินผืนใหญ่แปลงป่าดงพะทาย ได้ซื้อที่ดินโดยทำสัญญาซื้อขายและสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกับประชาชนผู้ได้รับจัดสรรที่ดินและได้รับใบจอง (น.ส. 2) ให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินชั่วคราวในโครงการจัดที่ดินผืนใหญ่แปลงป่าดงพะทาย ท้องที่อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม จำนวน 40 แปลง เนื้อที่รวม 220 ไร่ ทั้งที่ที่ดินดังกล่าวไม่สามารถโอนหรือซื้อขายเปลี่ยนมือได้เว้นแต่ตกทอดโดยมรดก
หลังจากที่มีการส่งมอบใบจองและการครอบครองที่ดินให้นายศุภชัย โพธิ์สุ แล้ว นายศุภชัย โพธิ์สุ ได้เข้าทำประโยชน์โดยปลูกต้นยางพาราเต็มพื้นที่ต่อเนื่องเรื่อยมา แม้ว่าผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมจะมีคำสั่ง ให้ผู้ที่ได้รับการจัดที่ดินและใบจองเดิมสิ้นสิทธิในที่ดินและออกจากที่ดินและจำหน่ายสิทธิใบจอง ตามมาตรา 32 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแล้ว เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2556 วันที่ 5 กันยายน 2565 และวันที่ 22 กันยายน 2565 (ภายหลังมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ใช้บังคับ)
การที่นายศุภชัย โพธิ์สุ ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนม และยังดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง มีหนังสือเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2566 และวันที่ 12 กรกฎาคม 2566 ขอสละสิทธิครอบครองและใช้ประโยชน์ในที่ดินแปลงที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมได้มีคำสั่งจำหน่ายใบจองที่ดินดังกล่าว จึงไม่มีผลให้การยึดถือ ครอบครอง และทำประโยชน์ในที่ดินประเภทใบจอง (น.ส. 2) ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐในโครงการจัดที่ดินผืนใหญ่แปลงป่าดงพะทาย โดยการซื้อที่ดินและไม่มีหลักฐานใบจองที่ดิน (น.ส. 2) รวมทั้งไม่มีคุณสมบัติในการที่จะได้ที่ดินตามระเบียบว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อประชาชน ลงวันที่ 24 สิงหาคม 2498 ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมายของนายศุภชัย โพธิ์สุ ไม่เป็นความผิดแต่อย่างใด
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติว่า การกระทำของนายศุภชัย โพธิ์สุ เป็นการครอบครองที่ดินของรัฐเพื่อประโยชน์ของตนเองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม และส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ของรัฐ ทั้งยังเป็นการกีดกันผู้ที่ไม่มีที่ดินเป็นของตนเองหรือมีอยู่แล้วแต่เป็นจำนวนน้อยไม่พอเลี้ยงชีพ ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 7 และข้อ 17 ประกอบข้อ 3 และข้อ 27 และข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 ข้อ 9 และข้อ 10 ให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87 ต่อไป
(สุชาติ ภิญโญ สส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย)
เรื่องที่ 2 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนเพื่อดำเนินการไต่สวน กรณีกล่าวหานายสุชาติ ภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา ยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินในเขตป่าไม้ถาวรป่าวังน้ำเขียว ตำบลอุดมทรัพย์ อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา และยึดถือครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ตำบลวังน้ำเขียว อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา โดยมิชอบ
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า นายสุชาติ ภิญโญ ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 โดยแจ้งว่านางสาวพรทิพย์ ทองแสงสุข ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส ได้ยึดถือครอบครองที่ดิน ภ.บ.ท. 5 เลขที่สำรวจ ภ.146 บริเวณบ้านห้วยน้ำเค็ม หมู่ที่ 11 ตำบลอุดมทรัพย์ อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2554 และยึดถือครอบครองที่ดิน ภ.บ.ท. 5 เลขที่สำรวจ 251/54 บริเวณบ้านวังไผ่ หมู่ที่ 12 ตำบลวังน้ำเขียว อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 6 แปลง เนื้อที่ประมาณ 250 ไร่ 3 งาน 90 ตารางวา ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 โดยให้บุคคลอื่นปลูกข้าวโพดประมาณ 100 ไร่
จากการตรวจสอบพบว่าที่ดิน ภ.บ.ท. 5 เลขที่สำรวจ ภ.146 อยู่ในเขตป่าไม้ถาวรป่าวังน้ำเขียวเป็นที่ดินของรัฐตามประกาศของกรมป่าไม้ปี พ.ศ. 2506 และนางสาวพรทิพย์ ทองแสงสุข ไม่เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้เข้ายึดถือครอบครองหรือได้รับการยกเว้นให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าวจากหน่วยงานของรัฐการเข้ายึดถือครอบครองดังกล่าวจึงเป็นการบุกรุกยึดถือครอบครองที่ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันครอบครองป่าที่ได้ถูกแผ้วถาง โดยฝ่าฝืนมาตรา 54 ซึ่งให้สันนิษฐานว่าบุคคลนั้นเป็นผู้แผ้วถางป่า ตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 สำหรับที่ดิน ภ.บ.ท. 5 เลขที่สำรวจ 251/54 อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได้นำไปจัดสรรให้แก่เกษตรกรตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 นางสาวพรทิพย์ ทองแสงสุข มิได้เป็นผู้ยากไร้หรือไร้ที่ดินทำกิน เนื่องจากมีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทและห้างหุ้นส่วน มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองรถยนต์จำนวนหลายคัน และมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินหลายแปลง
นายสุชาติ ภิญโญ และนางสาวพรทิพย์ ทองแสงสุข ได้ยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าว จนกระทั่งนายสุชาติ ภิญโญ ได้รับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา ก็ยังคงยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินต่อเนื่องเรื่อยมา ทั้งที่นายสุชาติ ภิญโญ และนางสาวพรทิพย์ ทองแสงสุข ไม่ใช่บุคคลที่มีคุณสมบัติเป็นผู้ประกอบอาชีพเกษตรกร และไม่ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในอาชีพเกษตรกรรม ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติว่า การกระทำของนายสุชาติ ภิญโญ เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ถูกบุกรุกทำลาย และก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์การดำรงตำแหน่งอันถือว่ามีลักษณะร้ายแรงและเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 17 ประกอบข้อ 3 และข้อ 27 วรรคสอง ให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87 ต่อไป