นายกฯ เฉ่งอธิบดีกรมโรงงานฯ ลงพื้นที่ช้าปมไฟไหม้ รง.เก็บสารเคมี
นายกฯ เฉ่งอธิบดีกรมโรงงานฯ ลงพื้นที่ล่าช้า ปมไฟไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมี หลังเหตุการณ์ผ่านไปหลายวัน ชี้ประชาชนเดือดร้อน เรียก 'พิมพ์ภัทรา-ปลัดอุตฯ' คุยหลังไมค์ สั่ง มท.เยียวยาตามกรอบกฎหมาย
เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2567 เวลา 14.20 น. ที่ ต.บ้านค่าย อ.บ้านค่าย จ.ระยอง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การแก้ไขปัญหาเหตุเพลิงไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมีอุตสาหกรรม บริษัท วินโพรเสส จำกัด โดยทันทีที่นายกฯมาถึง ได้รับฟังรายงานการดำเนินการในพื้นที่จากผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง รายงานว่า มีเจ้าหน้าที่สแตนบายตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไฟลุกขึ้นมาอีกครั้ง ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุของไฟไหม้ว่าเกิดจากอะไร โดยต้องรอให้ไฟสงบและให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบ
นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอให้เร่งดำเนินการ ก่อนที่จะถามหาว่าอธิบดีกรมโรงงานอยู่ที่ไหน เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ มีการลงพื้นที่มาก่อนหน้านี้เมื่อไหร่ อธิบดีกรมโรงงานตอบว่า มาเมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมาตอนเช้า ทำให้นายกฯถามกลับว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้เมื่อไหร่ ทำไมจึงใช้ระยะเวลานานกว่าจะลงพื้นที่ ท่านเป็นอธิบดีกรมโรงงานน่าจะมาให้ไวกว่านี้ เพราะนี่เป็นเรื่องซีเรียส หากมีข้อสันนิษฐานว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าเกิดจากอุณหภูมิที่สูง ขอฝากท่านไปดูต่อด้วยก็แล้วกัน โรงงานอื่นๆในลักษณะเช่นนี้หน้าร้อนอุณหภูมิสูงมาก หากเป็นไปได้อยากให้ตรวจสอบให้ดี
“อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมเหตุเกิดเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่เหตุใดท่านไม่ลงพื้นที่ให้ไวกว่านี้ ผมว่าอันนี้เป็นเรื่องไม่ถูก จริงๆแล้วผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากกับพี่น้อง เดี๋ยวท่านปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมกับรัฐมนตรี คุยกับผมหน่อยนะครับ” นายกฯ กล่าว
ขณะที่ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง รายงานว่า ขณะนี้ในเบื้องต้นกำลังจัดทำแผนที่คดี และดูว่ามีวัตถุพยานอะไรบ้างแต่ต้องรอให้ เจ้าที่ตำรวจหรือมนุษย์สามารถเข้าไปยังพื้นที่ได้ด้วยความปลอดภัย ด้านนายกฯ ถามต่อว่าเมื่อใดจึงจะปลอดภัยและสามารถเข้าไปได้ ทั้งนี้ ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง จึงรายงานว่า ขณะนี้ยังมีการปะทุของไฟอยู่ ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็น 1-2 วันนี้
จากนั้นนายกฯและคณะได้รับฟังรายงานแผนการดำเนินการโดยมีการอพยพประชาชนในพื้นที่ ออกจากพื้นที่เสี่ยงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงข้อกังวลการกระจายของสารเคมีลงดินหากเกิดฝนตกได้มีการขุดบ่อเชื่อมต่อกับบ่อเดิม เพื่อสกัดสารเคมีไม่ให้กระจายไปยังพื้นที่อื่น โดยนายกฯ ได้สั่งการ ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กระทรวงมหาดไทย รวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการงานร่วมกัน เพื่อป้องกันการปะทุของเหตุเพลิงไหมให้เข้าสู่สภาวะปกติ และจัดทำแผนเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุ นอกจากนี้ให้เร่งประชาสัมพันธ์ประชาชนที่ได้รับผลกระทบลงทะเบียนที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ จังหวัดระยอง ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านค่าย เพื่อเป็นข้อมูลในการฟื้นฟูเยียวยา ตามกรอบกฎหมายที่กำหนดและเกี่ยวข้อง
นายเศรษฐา ยังสั่งการให้กรมควบคุมมลพิษ กรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจคุณภาพอากาศตามชุมชนและรายงานผลให้ทราบ เพื่อเป็นการจัดการคุณภาพของประชาชนให้เร่งนำกลับสารเคมีอุตสาหกรรม ในพื้นที่ไปทำลายให้ถูกต้อง และเตรียมความพร้อมรับมือแก้ไขปัญหาในช่วงฤดูฝน ที่จะมีวัตถุอันตรายรั่วออกมานอกพื้นที่ โดยให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนด มาตรการและแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้ชัดเจน รวมทั้งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมจังหวัด ตรวจโรงงานในลักษณะดังกล่าวทั่วประเทศ เพื่อหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก พร้อมขอให้กรมการปกครองและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หาผู้กระทำความผิดและดำเนินการตามกฎหมาย อย่างเคร่งครัด
จากนั้นนายกฯ ได้พูดคุยกันเป็นการส่วนตัวกับปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และน.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม และนพ.พรหมินทร เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที ก่อนที่จะรับฟังการสะท้อนปัญหาจากประชาชนในพื้นที่บ้างส่วนว่า ทางกลุ่มได้มีการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้นำสารเคมีออกจากพื้นที่มายาวนาน 10 กว่าปี แต่ยื่นทุกทีไม่ได้รับความเป็นธรรม ชาวบ้านจึงมาขอผู้ที่ใหญ่ที่สุดช่วย และวิงวอนให้ขนสารพิษออกจากพื้นที่โดยเร็ว เพราะชาวบ้านจะได้กลับมาทำมาหากิน และเก็บเกี่ยวผลผลิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างทางเข้าโรงงาน มีประชาชนมายืนถือป้ายประท้วงนายกฯว่า เหตุใดลงมาถึงพื้นที่แล้ว แต่กลับไม่มาพบกับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนโดยตรงด้วย