ป.ป.ช.บุกรวบ รอง ผอ.ร.ร.ใน จ.ขอนแก่น เรียกค่าแป๊ะเจี๊ยะ แลกรับลูกเข้าเรียน
ป.ป.ช.สนธิกกำลังร่วมตำรวจ บุกรวบ 'รอง ผอ.โรงเรียน' ใน จ.ขอนแก่น เรียกรับเงิน 'แป๊ะเจี๊ยะ' 1 หมื่นบาท แลกรับลูกเข้ามาเรียน
เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2567 ที่ผ่านมา ภายใต้การอำนวยการของนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายประทีป จูฑะศร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 4 นายจักรกฤช ตันเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ นายธีรัตน์ บางเพ็ชร ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดขอนแก่น นายไพโรจน์ นิยมเดชา ผู้อำนวยการกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2 และนายธนิต สุวรรณากาศ หัวหน้ากลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 1 พร้อมด้วยพนักงานเจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ และนักสืบสวนคดีทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 4
ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น และ กก.สืบสวน 1 บก.สส.ภ.4 ร่วมดำเนินการจับกุมรองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น มีพฤติการณ์ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เรียกรับทรัพย์สินเป็นเงินจากผู้ปกครองนักเรียนเพื่อรับย้ายนักเรียนระหว่างปีการศึกษา อันถือเป็นการกระทำความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัดหรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ซึ่งอยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะดำเนินการ
กรณีนี้สืบเนื่องจากสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ได้รับประสานข้อมูลจากนายธีรัตน์ บางเพ็ชร ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดขอนแก่น ว่ามีผู้กล่าวหาแจ้งเรื่องร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแสทางเว็บไซต์ของสำนักงาน ป.ป.ช. ที่ https://wbs.nacc.go.th โดยเป็นกรณีแจ้งเรื่องกล่าวหารองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น มีพฤติการณ์ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เรียกรับสินบน เป็นเงินเพื่อรับย้ายนักเรียนระหว่างปีการศึกษา
โดยรองผู้อำนวยการคนดังกล่าวแจ้งกับผู้กล่าวหา ซึ่งเป็นผู้ปกครองที่ต้องการย้ายบุตรเข้าไปเรียนในชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนดังกล่าว ว่าต้องมีการบริจาคเงิน 20,000 บาท แต่เนื่องจากบุตรของผู้กล่าวหาผ่านเกณฑ์อ่านออกเขียนได้ จึงลดให้เหลือ 10,000 บาทจ่ายเป็นเงินสดเท่านั้น ไม่ได้จ่ายที่ห้องการเงินเหมือนค่าเทอม พร้อมแจ้งว่าเป็นเงินบริหารที่เป็นอัตราราคาตามที่คณะกรรมการคณะครูของโรงเรียนได้ตกลงกันว่าจะเรียกรับเงินเป็นเงินสดเท่านั้น รวมถึงมิได้แจ้งว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นการรับบริจาคให้แก่โรงเรียนตามระเบียบ หรือเป็นเงินที่ขอเก็บไปเพื่อนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายด้านใดของโรงเรียนหรือนักเรียน
ทั้งยังมิได้แจ้งว่าจะทำการออกใบเสร็จรับเงินให้ หรือให้นำเงินไปจ่ายกับฝ่ายการเงินของโรงเรียนแต่อย่างใด เพียงแต่แจ้งว่าให้นำเงินจำนวนดังกล่าวมาให้กับทางรองผู้อำนวยการคนดังกล่าวในห้อง ซึ่งเป็นห้องทำงานส่วนตัวโดยตรง และหากจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวแล้วจะได้เข้าเรียนที่โรงเรียนดังกล่าว ทั้งที่บุตรของผู้กล่าวหาก็ผ่านการทดสอบ และในใบสมัครเรียน หรือเอกสารอื่นใดของโรงเรียนก็มิได้มีการแจ้งให้ทราบ และเผยแพร่เป็นการทั่วไปถึงการเรียกเก็บเงินดังกล่าว
ต่อมาเมื่อได้มีการนัดหมายให้เข้าไปจ่ายเงินดังกล่าว เมื่อวันจันทร์ที่ 29 เม.ย. 2567 เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น และ กก.สืบสวน 1 บก.สส.ภ.4 จึงได้ร่วมกันวางแผนจับกุม โดยได้มีการเฝ้าสังเกตการณ์จนกระทั่งผู้กล่าวหาเข้าพบ และนำเงินสดจำนวนดังกล่าวส่งมอบให้รองผู้อำนวยการคนดังกล่าวในห้องทำงานส่วนตัว
หลังจากปรากฏพฤติการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น และ กก.สืบสวน1 บก.สส.ภ.4 จึงได้เข้าแสดงตัวและเข้าจับกุมรองผู้อำนวยการคนดังกล่าว พร้อมได้แจ้งสิทธิผู้ต้องหาและข้อกล่าวหาว่า “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157”
จากนั้นได้ควบคุมตัวไปทำบันทึกจับกุมแล้วนำตัวส่งสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ต่อไป