ปชป.โวย ชาวบ้านร้อง จนท.ยัดข้อหา'ภัยคุกคาม' เศรษฐา ลั่นเปิดสภาหาคำตอบ
ปชป.โวย ชาวบ้านราชบุรี ร้อง เจ้าหน้าที่ยัดข้อหา"ภัยคุกคาม" เศรษฐา ระหว่างลงพื้นที่ หวั่น ซ้ำรอบยุครัฐบาลประยุทธ์ ส่งเจ้าหน้าที่เฝ้าหน้าบ้าน ลั่นเปิดสภาหาคำตอบ-จี้นายกฯแจง
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการที่มีพี่น้องประชาชนในจังหวัดราชบุรี เดินทางมาที่พรรค เพื่อมาร้องเรียนต่อพรรคประชาธิปัตย์และนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อพรรค อดีตประธานรัฐสภา และอดีตนายกรัฐมนตรี ถึงเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องจากการที่นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดราชบุรี ระหว่างวันที่ 12 – 13 พ.ค. ที่ผ่านมา และมีการจัดทำบัญชีรายชื่อพี่น้องประชาชนที่พยายามเข้าพบในวันดังกล่าวเป็นภัยคุกคามต่อตัวนายกรัฐมนตรี ทำให้พี่น้องประชาชนกลุ่มดังกล่าวได้รับผลกระทบถึงความเป็นอยู่
ทั้งนี้ตัวแทนของชาวบ้านระบุว่า การที่ชาวบ้านถูกกล่าวหาว่าเป็นภัยคุกคามต่อตัวนายกรัฐมนตรี ถือเป็นการประณามชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนมานานร่วม 10 ปี และเห็นว่าเป็นการกระทำที่มีความรุนแรงต่อประชาชน หากพวกตนไม่รีบออกมาชี้แจงความจริงก็เกรงว่าต่อไปอาจจะมีความรุนแรงมากขึ้นได้ ซึ่งสาเหตุเริ่มต้นเกิดมาตั้งแต่สมัยพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชามีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเฝ้าชาวบ้าน
“การถูกกล่าวหาว่าเป็นภัยคุกคามต่อตัวนายกฯ นี้ คิดว่าเป็นคำพูดที่รุนแรงเกินไป เรื่องนี้เกิดขึ้นมา 10 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่สมัยนายกฯ ตู่ จะมีตำรวจไปเฝ้า ถ้ามีนักการเมือง คนมีตำแหน่งใหญ่ จะมีตำรวจไปเฝ้าถึงบ้าน บางวันตื่นขึ้นก็เจอตำรวจอยู่หน้าบ้าน วันนี้จึงมาร้องเรียน เพราะที่นี่เป็นความหวังสุดท้ายที่จะพึ่งได้ ที่ผ่านมาไปร้องเรียนมาแล้วหลายที่ เหลือแต่ศาลพระภูมิกับศาลเจ้าที่ยังไม่ได้ไป นอกนั้นไปร้องเรียนมาหมดแล้ว” ตัวแทนชาวบ้านกล่าว
นายราเมศ กล่าวต่อในเรื่องนี้ว่า เรื่องนี้ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค ให้ความสำคัญและติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ได้มอบหมายให้ตนเข้ามาดู ก็ได้มีการแถลงเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้วครั้งหนึ่งว่า พรรคไม่ต้องการให้พี่น้องประชาชนถูกดำเนินการในลักษณะเช่นนี้
“นายกรัฐมนตรีไม่ควรผลักพี่น้องประชาชนไปเป็นศัตรู และกรณีนี้พี่น้องประชาชนในจังหวัดราชบุรีตามที่ปรากฎในรายชื่อก็เป็นผู้ที่มีความทุกข์ร้อนในการดำเนินวิถีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อม หรือวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ดังนั้นการจะเข้าร้องเรียนต่อนายกฯ จึงมีเพียงไม่กี่เรื่อง ตั้งแต่การรุกป่า น้ำเสีย ซึ่งการที่พี่น้องประชาชนจะเดินเข้าไปหานายกรัฐมนตรี หรือทีมงานนายกฯ ก็สมควรให้การต้อนรับในฐานะที่เป็นนักการเมือง เป็นคนของพี่น้องประชาชน แต่การมาบอกว่าบุคคลเหล่านี้เป็นภัยต่อตัวนายกฯ ก็ต้องถือว่า ท่านไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพราะไม่รับฟังความเห็นต่างของประชาชน” นายราเมศ กล่าว
อย่างไรก็ดี แม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านมานานหลายปี แต่ความหวาดระแวง วิตกกังวลของประชาชนยังคงมีอยู่ตลอดเวลา หลังจากมีชื่อถูกขึ้นบัญชีดังกล่าว ก็อาจทำให้สังคมมองว่าเป็นบุคคลอันตราย และจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตต่อไปอีกด้วย ในเรื่องนี้พรรคได้แสดงจุดยืนว่า พรรคไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว แม้จะอ้างว่าเป็นการกระทำโดยพละการของเจ้าหน้าที่ หรือฝ่ายความมั่นคง แต่ตัวนายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
นอกจากนี้ขณะนี้จะเป็นช่วงปิดสมัยประชุมสภา แต่เรื่องนี้เมื่อเปิดสมัยประชุมสภา ก็จะต้องมีการนำไปท้วงติงเพื่อตรวจสอบตัวนายกรัฐมนตรีต่อไป