'โฆษกก้าวไกล' ซัด '40 สว.' แทรกแซงรัฐบาล

ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตรวจสอบคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ว่า เป็นความพยายามของ สว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ที่ต้องการเข้ามามีบทบาทกำหนดว่าใครเป็นรัฐบาลหรือใครเป็นนายกฯ  โดยปีที่ผ่านมมา สว.พยายามแทรกแซงผลการจัดตั้งรัฐบาลผ่านอำนาจเลือกนายกฯ ส่วนปีนี้ สว.แทรกแซงว่าใครจะเป็นรัฐบาล หรือ นายกฯ ต่อไป ทั้งนี้ความเหมาะสมของรัฐมนตรี ประชาชนมีสิทธิตั้งคำถามได้  ควรตัดสินจากประชาชนผ่านการเลือกตั้ง และตามครรลองประชาธิปไตยรัฐบาลต้องรับผิดชอบทางการเมืองและรับเสียงสะท้อนประชาชนผ่านการเลือกตั้ง

เมื่อถามว่ารัฐบาลยืนยันความถูกต้อง และไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบใดๆ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เป็นการตัดสินใจทางการเมืองของรัฐบาลว่าจะรับผิดชอบอย่างไร โดยเชิงกฎหมายนั้นถกเถียงคนละข้อ ทั้งนี้ในทางการเมืองประชาชนจะตัดสินหากไม่เหมาะสมจะถูกลงโทษผ่านคูหาเลือกตั้ง

เมื่อถามว่าตามกลไกสภาพรรคก้าวไกลจะไม่ตั้งคำถามนี้ใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ ​กล่าวว่า พรรคก้าวไกลยืนยันใช้กลไกของสภาฯ ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลและรัฐมนตรี ผ่านตั้งกระทู้ถามสด ยื่นกระทู้ทั่วไป และกลไกกรรมาธิการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รวมถึงผลักดันร่างกฎหมายต่างๆ ซึ่งยืนยันว่าพรรคก้าวไกลตรวจสอบทำงานรัฐบาลเข้มข้นแน่นอน

ถามย้ำว่าการถ่วงดุล หรือคานอำนาจรัฐบาลตอนนี้เหมือน สว.มีบทบาทมากกว่าฝ่ายค้าน เพราะมีโจทย์ใหญ่เปลี่ยนตัวนายกฯ หรือรัฐบาล นายพริษฐ์ กล่าววว่า “ช่องทางที่ สว.ใช้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความบทบัญญัติซึ่งกำหนดเป็นนามธรรม  แต่ในมุมของก้าวไกลต้องการใช้กลไกสภาตรวจสอบ หากรัฐบาลทำอะไรไม่เหมาะสม ต้องรับผิดชอบทางการเมือง ผ่านคูหาเลือกตั้งจากประชาชนโดยตรง

เมื่อถามมุมมองต่อโอกาสเปลี่ยนตัวนายกฯ หรือเปลี่ยนขั้วรัฐบาล โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า  คาดการณ์ไปไกล เพราะต้องดูขั้นตอนทางกฎหมาย หากนายกฯ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ พรรคก้าวไกลต้องทำงานต่อฐานะฝ่ายค้าน ที่ตรวจสอบวาระรัฐบาลภาพรวม ไม่เกี่ยวกับนายกฯ หรือรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นในมุมการทำงานเดินหน้าต่อไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นตามกระบวนการที่ สว.ยื่น.

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์