‘พิชิต‘ ยัน ไม่มีใครกดดัน ลาออก ‘รมต.ประจำสำนักนายกฯ’
“พิชิต” ยิ้ม โบกมือ บ๊ายบาย สื่อฯ หลัง ลาออก “รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี” แจง ไม่มีใครกดดัน สบายๆ ไม่มีติดกับตำแหน่ง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชิต ชื่นบาน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินออกจากห้องทำงานที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หลังเซ็นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง เพื่อขึ้นรถประจำตำแหน่งออกจากทำเนียบรัฐบาล
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงเหตุผลการลาออกว่ามาจากอะไร นายพิชิต ระบุว่าเหตุผลใบที่แจ้งลาออกแล้ว
เมื่อถามว่า มีใครมากดดันให้ลาออกจากตำแหน่งหรือไม่ นายพิชิต กล่าวว่า ไม่มีใครกดดัน และไม่มีอะไร
เมื่อถามว่า แต่เมื่อช่วงเช้าแสดงความมั่นใจว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง นายพิชิต กล่าวว่า เมื่อเช้า ก็บอกแล้วไง ก่อนจะปฏิเสธว่าไม่มีอะไร
เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะไปดำรงตำแหน่งอะไร นายพิชิต หันกลับมาตอบผู้สื่อข่าวว่าจะให้ทำงานอีกหรือ ก่อนที่จะหัวเราะ โบกมือลาสื่อมวลชน และกล่าวว่าชื่นบาน ชื่นบาน
เมื่อถามว่า สรุปแล้วได้คุยกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่เกี่ยวกับการลาออก นายพิชิต กล่าวว่า สบายๆ ไม่มีอะไรกดดันเลย พร้อมกับกล่าวว่า ตัวผมไม่ยึดติดกับตำแหน่ง
เมื่อถามว่า ออกจากตำแหน่งแล้วคดีของนายกฯ ที่เหลืออยู่จะถูกศาลรัฐธรรมนูญ จำหน่าย และไม่พิจารณาต่อในภายหลังหรือไม่ นายพิชิต ไม่ตอบ เพียงแต่โบกมือและกล่าวว่า บ๊ายบายสื่อฯ ก่อนขึ้นไปบนรถ ก่อนที่จะลดกระจกลงและโบกสื่อฯอีกครั้ง พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า "อยู่ให้คนรักจากให้คนคิดถึง สโลแกนพี่ทำงานจริงจัง คบได้จริงใจ"
ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามต่อว่า สาเหตุที่ลาออก เพราะต้องการเซฟเก้าอี้ของนายกฯ ใช่หรือไม่ นายพิชิต ปิดกระจกรถยนต์ โดยไม่ตอบคำถามก่อนที่รถจะเคลื่อนออกจากทำเนียบรัฐบาลในทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้านายพิชิต ให้สัมภาษณ์ด้วยท่าทีมั่นใจ และยังปฏิบัติภารกิจตามกำหนดที่วางไว้คือเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีและไป รับหนังสือจากกลุ่มข้าราชการครูที่ประสบปัญหาหนี้สิน ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 แต่เมื่อเดินทางกลับมาที่ห้องทำงานตึกบัญชาการ ปรากฎว่าหนึ่งในคณะทำงานของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และเป็นคนใกล้ชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รออยู่และได้ร่วมพูดคุยกัน จากนั้นไม่นานก็มีหนังสือลาออกตามออกมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายพิชิตได้รับการโปรดเกล้าให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เม.ย. และได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณเมื่อวันที่ 3 พ.ค. รวมระยะเวลาปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 19 วัน นับตั้งแต่วันเข้าถวายสัตย์