‘มาดามรถถัง’ เจ้าแม่โหงวเฮ้ง เปิดเคล็ดลับ คว้างาน‘46 กองทัพ’
รางวังทรงคุณค่าของ “มาดามรถถัง” เป็นสิ่งการันตี สินค้าของบริษัทชัยเสรี จาก 3 นายกรัฐมนตรีของไทย และรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งกว่าจะเดินมาถึงจุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
KEY
POINTS
- TDI บริษัทร่วมทุนระว่าง สทป.กับ บ.ชัยเสรี เพิ่งส่งมอบรถยานเกราะล้อยางแบบ 4x4ให้กับราชอาณาจักรภูฏาน เพื่อนำไปใช้ในภารกิจรักษาสันติภาพล็อตใหม่ จำนวน 10 คัน
- ยานเกราะล้อยางแบบ 4x4 ออกแบบและผลิตโดยคนไทย ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องในระดับนานาชาติ
- เส้นทางของ "มาดามรถถัง" ผู้ก่อตั้งบ.ชัยเสรี ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
ผู้หญิงที่น่าทึ่งในสายตาคนต่างชาติ และผู้หญิงที่ไม่น่าเอาแบบอย่างในสายตาคนไทย คือ “นพรัตน์ กุลหิรัญ” ผู้ก่อตั้งบริษัท ชัยเสรี เม็ททอล แอนด์รับเบอร์ จำกัด หรือที่รู้จักกันในชื่อ “มาดามรถถัง”
เมื่อเร็วๆนี้ กระทรวงกลาโหม เพิ่งส่งมอบรถยานเกราะล้อยางแบบ 4x4 ที่ร่วมทุนกับสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศกับบริษัทชัยเสรี ในนามบริษัท ไทยดีเฟนส์อินดัสตรี จำกัด (TDI) ให้กับราชอาณาจักรภูฏาน เพื่อนำไปใช้ในภารกิจรักษาสันติภาพล็อตใหม่ จำนวน 10 คัน
สำหรับ ยานเกราะล้อยาง First Win 4x4 รุ่น ATV(Armored Tactical Vehicle) ออกแบบและผลิตโดยคนไทย บริษัทชัยเสรี ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องในระดับนานาชาติ
โดย First Win 4x4 รุ่น ATV เป็นยานเกราะล้อยางสมรรถนะสูงด้วยเครื่องยนต์ขนาด 300 PS ที่มาพร้อมกับการป้องกันตามมาตรฐาน NATO standard STANAG 4569
ที่ระดับ 2 ซึ่งจะช่วยป้องกันกำลังพลที่อยู่ในรถได้กว่า 11 นาย ให้ปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จและปลอดภัย ในทุก ๆ สภาพภูมิประเทศ
นพรัตน์ ระบุว่า ยานเกราะล้อยาง First Win 4x4 รุ่น ATV (Armored Tactical Vehicle) จำนวน 10 คัน ราชอาณาจักรภูฏานจะนำไปใช้ สหภาพแอฟริกากลาง หลังจากที่ ปี 2564 ได้ส่งมอบให้ทางภูฎานไปแล้ว 45 คัน นอกจากนี้ยังมีการให้บุคลากรทางภูฎานมาเรียนรู้แลกเปลี่ยนในเรื่องของการผลิตการ ซ่อม และองค์ความรู้ต่างๆ
อีกทั้งยังมีประเทศอื่นๆ ที่สั่งซื้อรถหุ้มเราะของทางบริษัทเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกองทัพฟิลิปปินส์ ที่มีแผนสั่งซื้อ 900 คัน ชุดแรกสั่งซื้อก่อน 200 คัน นอกจากนี้ยังมี 46 กองทัพทั่วโลกที่จัดซื้อรถหุ้มเกราะของบริษัทชัยเสรีไปใช้งาน โดยมีการอออกแบบตามความต้องการของลูกค้าและการใช้งาน เช่น การออกแบบหลังคากันกระสุน ป้องกันการโจมตีจากโดรน
ส่วนความต้องการภายในประเทศไทย ยังมีการสั่งซื้อจาก กอ.รมน. กองทัพเรือ ตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งเป็นความภูมิใจของบริษัททีได้สนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศร่วมกับกระทรวงกลาโหม โดยได้เห็นยุทโธปกรณ์จากฝีมือคนไทยไปใช้ในภารกิจสหประชาชาติ
นพรัตน์ ยังบอกเคล็ดลับที่เป็นส่วนประกอบสำคัญ ทำให้ประสบความสำเร็จมา 40 ปี ว่า ตัวมาดามค้าขายกับต่างประเทศมาตลอด ไปคนเดียว ถามว่าทำไมถึงไปคนเดียว เพราะเราดูคนเป็น เรารู้ว่าต้องพูดกับใคร คนไหน แต่ละคนมีบุคลิกเป็นอย่างไร
มีครั้งหนึ่งมาดามไปเสนอขายสินค้าโซนประเทศอาหรับ ทุกคนแต่งตัวเหมือนกันหมด และปกครองด้วยระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
เพราะฉะนั้นมีเจ้านครเป็นผู้มีอำนาจที่สุด แต่เขาไม่มีเปิดเผยตัว ว่าคนไหนเป็นเจ้านคร ใครเป็นลูก หรือใครมีตำแหน่งอะไร เราต้องดูเองและสังเกตเอาเอง โชคดีที่มาดามดูคนเป็น และไม่เคยพลาด 40 ปีที่ผ่านมา เข้าหาถูกคนตลอด
เธอบอกว่า ในการเดินทางไปเสนอสินค้าในประเทศต่างๆ ใช้โหราศาสตร์จีนพิจารณา คนที่เราจะคุยด้วย 4 ประเภท 1.ดูสีหน้า ซึ่งจะบ่งบอกว่า คนนี้มีลักษณะอย่างไร 2.ดูการเดิน 3. ดูน้ำเสียง การพูดจา 4 คือดูลักษณะบอดี้
“ที่ผ่านมาจะเห็นว่า ประเทศไทยมีผู้หญิงคนเดียว ที่เดินทางคนเดียว ติดต่องานคนเดียว ประสบความสำเร็จขายได้ทั่วโลก ทุกวันนี้รู้หรือไม่ มาดามขายสินค้าให้ 46 กองทัพทั่วโลก ไม่ได้ขายให้เอกชน ขายให้กองทัพอย่างเดียว และยังขายให้สหประชาชาติอีกด้วย คนต่างชาติบอกว่า มาดามเป็นผู้หญิงที่น่าทึ่ง น่าติดตาม แต่คนไทยบอกว่าเป็นผู้หญิงที่ไม่น่าเอาแบบอย่าง” นพรัตน์ กล่าวอย่างอารมณ์ดี
ส่วนการดูดวง หรือ โหงวเฮ้ง เป็นความสามารถเฉพาะตัว เป็นตัวช่วยเกื้อหนุนการทำงานประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น นพรัตน์ บอกว่า ถือเป็นส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ เมื่อเราดูคนเป็น เวลาไปค้าขาย จะไปเซลล์หรือไปทำอะไร จะพูดกับใคร ก็ต้องพูดกับคนที่ฟังเรา อันนี้คือส่วนประกอบ เราดูออกว่าลักษณะคนนี้ คือคนที่ใช่ คือคนที่เราควรจะพูดกับเขา เราต้องมีเซนส์
แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ตัวมาดามประสบความสำเร็จ ต้องรู้งานที่ทำ รู้ว่ารถเกราะมีกี่แบบ แบบไหนดี ไม่ดี เราทำข้อต่อสายพาน ก็ต้องรู้ว่าข้อต่อสายพานในโลกนี้ มีรถหลายรุ่น แต่ละรุ่นมีข้อดีข้อเสียอย่างไร สิ่งเหล่านี้ เป็นภูมิความรู้ที่เราต้องพูด เวลาเราจะไปเสนอสินค้า ต้องบอกให้ได้ว่า แต่ละรุ่นเหมาะที่จะใช้กับอะไร ภูมิประเทศในลักษณะเช่นนี้ ต้องใช้กับอะไร ถือเป็นภูมิความรู้ นอกจากดูคน เลือกคนว่าจะพูดกับใคร
"ตอนมาดามไปกลุ่มประเทศอาหรับครั้งแรก ไปขายเขา เรายังไม่รู้ว่าประเทศเขามีอะไรบ้าง นี่คือสิ่งที่เราต้องรู้ เพราะมาดามยึดคติที่ว่า รู้เขารู้เรา รบกี่ครั้งก็ชนะ แล้วเขาไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าไปดูกองทัพ เมื่อไปถึง มาดามใช้วิชาเรื่องการดูคน พอจะเดาออกว่า คนไหนคือเจ้านคร และคนข้างๆ คือลูกชาย
เจ้านครถามมาดามว่า ลูกชายเขาเป็นอย่างไรบ้าง มาดามตอบว่า ลูกของท่านมีตาสาม(ปานหน้าผาก) คือมี Power มาก อยู่ในเขตบ้านใคร บ้านนั้นก็เจริญ เจ้านครได้ยินก็ดีใจ ว่าลูกคนนี้มีตาที่สาม เขาถามมาดามว่า อยากได้อะไร ก็ตอบไปว่า อยากได้ใบผ่านทางไปดูกองทัพ เขาก็ออกใบผ่านทางให้"
นพรัตน์ ย้ำว่า นี่คือหลักจิตวิทยาที่เราต้องเรียนรู้ เพราะพ่อย่อมมีความรักต่อลูก หากเรานำจุดนี้มาใช้ จะทำให้การทำงานราบรื่นมากขึ้น และนอกจากหลักจิตวิทยาแล้ว เราต้องมีเซนส์ด้วย เพราะหลังได้รับใบผ่านมา เพื่อเดินทางไปดูกองทัพเขา ก็เจออุปสรรคอีก เพราะเขามองว่า มาดามเป็นผู้หญิง เป็นสปาย เป็นสายลับ ทำไมอยู่ดีๆ อยากเข้าไปในกองทัพของเขา จุดนี้เราต้องเบี่ยงเบนความสนใจอีก โดยมาดามตอบไปว่า เพราะกองทัพของคุณมีกองทัพอูฐ เกิดมาไม่เคยเห็น และอยากไปดู
เธอบอกว่า ได้ศึกษามา พบว่ากองทัพอูฐตั้งอยู่ในทะเลทราย ต้องเดินทางผ่านถนนซึ่งเป็นที่ตั้งกองทัพประเทศอาหรับนั้น โดย 2 ข้างทางจะมียุทโธปกรณ์วางอยู่จำนวนมาก ทำให้เราได้เห็นว่าประเทศมีอาวุธยุทโธปกรณ์อะไรบ้าง เมื่อเรารู้ว่าเขาใช้อะไร เราก็เสนอขาย ทำให้บริษัทชัยเสรีได้งานตลอดมา 40 กว่าปี
นพรัตน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า กว่าจะเดินมาถึงจุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ปัจจุบันเราขายสินค้าให้ 46 กองทัพทั่วประเทศ แม้ลึกๆ แล้วยังมีเป้าหมายกองทัพอีกหลายประเทศ ที่อยากไปเสนอสินค้า และกองทัพในประเทศนั้น ก็สนใจสินค้าบริษัทชัยเสรี แต่มีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น ประเทศรอบบ้านประเทศไทย เคยมีประวัติศาสตร์มาในอดีต ขายให้ไม่ได้ ติดเรื่องความมั่นคง
เช่นเดียวกับความมั่นคงระดับมหาอำนาจ ก็มีส่วนสำคัญทำให้บริษัทชัยเสรี ไม่สามารถขายสินค้าให้กองทัพบางประเทศ
อย่างไรก็ตาม บริษัทชัยเสรีจะพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ ตอบโจทย์กองทัพทั่วโลกเพื่อสร้างงาน สร้างคน และรายได้เข้าประเทศ อีกทั้งยังทำให้เกิด เสถียรภาพด้านความมั่นคงอีกด้วย
ทั้งนี้ หากค้นประวัติของ “มาดามรถถัง” พบว่าเคยได้รับรางวัลจาก 3 นายกรัฐมนตรีของไทย ได้แก่ รางวัลส่งออกดีเด่น ประเภทมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ของตนเอง จากนายทักษิณ ชินวัตร วันที่ 29 สิงหาคม 2549
รางวัลส่งออกดีเด่น ประเภทมีตรา หรือเครื่องหมายการค้าของตนเอง จากพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ วันที่ 19 กันยายน 2550
รางวัลดีเด่น Excell Design Award 2008 “Demark” จากนายสมัคร สุนทรเวช วันที่ 25 สิงหาคม 2551
นอกจากนี้ ยังมีรางวัล The most ProMising Award รางวัลคุณภาพสินค้าดี และมีอนาคต จากรัฐบาลประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปี 2547