'วัฒนา' โผล่ประเทศเพื่อนบ้าน อวยพร 'สุนทร' ชิงนายก อบจ.สมุทรปราการ

เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2567 สื่อหลายสำนัก รวมถึงประชาชนในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ได้แชร์คลิปของนายชนะ หงวนงามศรี หรือ "สจ.แดง" สจ.สมุทรปราการ โดยในคลิปปรากฎนายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย และอดีตนักการเมืองชื่อดัง อดีตแกนนำกลุ่ม สส.ปากน้ำ ร่วมงานเลี้ยงที่บ้านหลังหนึ่ง

สำหรับคลิปดังกล่าวเป็นบรรยากาศการจัดงานเลี้ยง โดยนายวัฒนา อวยพรนายสุนทร ปานแสงทอง อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และอดีตรองนายก อบจ.สมุทรปราการ ที่ปัจจุบันเป็นผู้สมัครนายก อบจ.สมุทรปราการ 

ล่าสุด ได้รับข้อมูลยืนยันอย่างเป็นทางการจากคนใกล้ชิดตระกูล "อัศวเหม" ระบุว่า บ้านพักหลังดังกล่าวอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีการขนคนไปเยี่ยม และจัดเลี้ยงกัน

ในคลิปดังกล่าว นายวัฒนา กล่าวตอนหนึ่งว่า วันที่เลือกตั้ง นายสุนทรก็จะมีตนเคียงข้างตลอด โดยเคียงคู่กับนายสุนทรมาตั้งแต่ปี 2518

ทั้งนี้นายวัฒนา ถามกับผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงด้วยว่า "นายสุนทร สมัครเป็นนายกอะไร" ผู้เข้าร่วมงาน ตอบว่า "นายก อบจ.สมุทรปราการ"

นายวัฒนา กล่าวอีกว่า เหตุที่ต้องถามเพราะผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงนั้นมีตั้งแต่นายกเทศบาล นายกในหลายตำแหน่งเยอะมากมาย จึงต้องย้ำเรื่องว่านายสุนทรจะเป็นนายก อบจ.สมุทรปราการ และขอฝากฝังนายสุนทรไว้กับผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ด้วย

ภาพ และคลิปจาก: สจ. แดง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัฒนา อัศวเหม คือหนึ่งในจำเลยที่หลบหนีคำพิพากษาคดีทุจริต 2 คดี ตั้งแต่ปี 2552 ได้แก่ เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2551 ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 10 ปี ฐานใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งโดยมิชอบ จูงใจให้เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดิน จังหวัดสมุทรปราการ ออกโฉนดที่ดินใน อำเภอคลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการ เนื้อที่ 1,900 ไร่ ให้กับ บริษัท ปาล์ม บีช ดีเวลลอปเมนท์ฯ แต่นายวัฒนา หลบหนีคดีไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลฎีกาฯ จึงสั่งออกหมายจับ เพื่อติดตามนำตัว นายวัฒนา มารับโทษตามคำพิพากษา 10 ปี ซึ่งคดีดังกล่าวมีอายุความ 15 ปี

ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2561 ศาลแขวงดุสิต อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายวัฒนา อัศวเหม กับพวกที่เป็นบริษัทเอกชน เป็นจำเลยที่ 1 – 19 ในความผิดฐานฉ้อโกงการจัดซื้อที่ดิน อำเภอคลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการตามเนื้อหาดังกล่าว

ศาลได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาว่า จำเลยทั้ง 18 ราย มีความผิดตามฟ้องกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษจำคุก นายวัฒนา เป็นเวลา 3 ปี ส่วนจำเลยอื่นจำคุก ตั้งแต่ 3 – 6 ปี โดยนายวัฒนา จำเลยที่ 19 นั้น หลบหนีคดีตั้งแต่ปี 2552 และศาลแขวงดุสิตสั่งออกหมายจับไว้แล้ว