'นักวิชาการ' ประเมิน 3คดีร้อน กระทบการเมือง หวั่นเกิด3ล้มปลุกความขัดแย้ง
"ยุทธพร" ประเมินสถานการณ์การเมือง มี3คดีกระทบแน่น หวั่นทฤษฎี 3ล้มสำเร็จปลุกความขัดแย้งทางการเมือง มอง "ทักษิณ" รุกคนในป่า แค่ตอบโต้
ที่รัฐสภา นายยุทธพร อิสรชัย นักวิชาการคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดตัดสินและพิจารณาในหลายคดีสำคัญทางการเมือง วันที่ 18 มิ.ย. ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าทำให้เกิดกระแสข่าวจำนวนมาก เช่น อาจเกิดรัฐประหาร ผนวกกับการเลือกสว.ที่กำลังดำเนินการ แต่ตนคิดว่าคงไม่ถึงขั้นรัฐประหารโดยใช้กำลังทหาร เพราะบริบททางการเมืองและกระแสโลกเปลี่ยนไป แต่การเกิดรัฐประหารโดรูปแบบอื่นอาจมีโอกาสเกิดได้ โดยต้องพิจารณาความสัมพันธ์อันดีระหว่างพลเรือนกับกองทัพ อย่างไรก็ดีภายใต้สถานการณ์ที่ประชาธิปไตยยังไม่ตั้งมั่น มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนอกระบบได้
นายยุทธพร กล่าวอีกว่าสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นมีโอกาสนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ถึงขั้นล้มรัฐบาล ล้มพรรคก้าวไกล หรือล้ม สว. เหมือนที่มีคนพูดถึงทฤษฎี3ล้ม เพราะหากเกิดขึ้นจะมีความขัดแย้งทางการเมืองตามมา
เมื่อถามว่าขณะนี้ยังไม่ทราบว่าพรรคก้าวไกลจะถูกยุบหรือไม่ แต่คนภายในพรรคเริ่มเคลื่อนไหว แสดงว่าพรรคก้าวไกลมีโอกาสถูกยุบพรรคใช่หรือไม่ นายยุทธพร กล่าวว่า มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกยุบในเชิงทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ในเชิงกฎหมายคดีล้มล้างการปกครอง พรรคเคยถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาแล้ว ในแง่ข้อกฎหมายพิจารณาเป็นอย่างอื่นได้ยาก ส่วนในแง่ข้อเท็จจริงคดีนี้ มาตรา49 ศาลได้สืบข้อเท็จจริงต่างๆซึ่งปรากฎอยู่ในคำวินิจฉัยค่อนข้างละเอียด ดังนั้นใน 9 ข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกลจึงเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาว่ามีน้ำหนักที่ศาลจะฟังขึ้นหรือไม่ เพราะ 9 ข้อส่วนใหญ่เป็นเรื่องข้อเท็จจริง
ถามต่อว่าหากเกิดอะไรขึ้นในช่วงนี้จะทำให้ขั้วการเมืองเปลี่ยนไปหรือไม่ นายยุทธพร กล่าวว่า การเปลี่ยนขั้วการเมืองต้องไปดูความสำคัญในคดีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ที่ถูกยื่นถอดถอยจากตำแหน่ง หากนายเศรษฐาต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ จะทำให้ต้องเลือกนายกฯใหม่และจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ถ้าถึงตอนนั้นโอกาสที่จะสลับขั้ว ข้ามขั้ว และเกิดกรณียุบพรรคก้าวไกลในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน เป็นไปได้ที่จะเห็นเรื่องการย้ายพรรค ซึ่งอาจนำไปสู่พรรคใหม่และอาจไปจับขั้ว
ถามถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พาดพิงถึงคนในป่า ไม่ใช่สัญญาณจะเปลี่ยนขั้วการเมืองใช่หรือไม่ นายยุทธพร กล่าวว่า เป็นการโต้ตอบของนายทักษิณที่เกิดขึ้นกับกรณีที่ 40 สว. ร้องศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบนายเศรษฐา แต่พอไปถามว่าคนในป่าคือใคร ก็ไม่มีใครรู้ แม้แต่นายทักษิณเองยังไม่รู้ เป็นกระบวนการโต้ตอบและเปิดเกมเชิงรุก แต่ถามว่าจะถึงขั้นปรับบางพรรคออกจากรัฐบาลหรือไม่นั้น ตนคิดว่าถ้าปรับ ไม่ใช่ทั้งพรรค เพราะพรรคดังกล่าวมีแกนนำบางคนใกล้ชิดสนิทสนมกับพรรคเพื่อไทยอยู่ และอาจดึงพรรคบางพรรคซึ่งอยู่ในฝ่ายค้านเข้ามาไม่ทั้งพรรคเช่นเดียวกัน เราจะได้เห็นปรากฎการณ์แปลกๆในการเมืองไทย คือร่วมรัฐบาลครึ่งพรรค และเป็นฝ่ายค้านครึ่งพรรค เรียกว่าเป็นรัฐบาลคนละครึ่ง ฝ่ายค้านคนละครึ่ง.