‘วิษณุ’ เผยส่ง ’บิ๊กต่อ‘ กลับ สตช. นั่ง ผบ.ตร. หลังสอบเสร็จ

‘วิษณุ’ เผยส่ง ’บิ๊กต่อ‘ กลับ สตช. นั่ง ผบ.ตร. หลังสอบเสร็จ

“วิษณุ” แถลงผลสอบ 2 บิ๊กตำรวจ ส่งกลับบิ๊กต่อ คืนตำแหน่งเดิมใน สตช. ปฏิบัติหน้าที่ ผบ.ตร. ตามเดิมเผยบิ๊กโจ๊ก ยังมีลุ้น ผบ.ตร.

สืบเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งของข้าราชการตำรวจระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระหว่างพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ที่ถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวพันกับส่วย และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ที่ถูกกล่าวหาพัวพันเว็บพนันผิดกฎหมาย โดยก่อนหน้านี้เครือข่ายของทั้ง 2 คน ต่างเปิดโปงซึ่งกัน และกัน จนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้ทั้ง 2 คนมาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมกับตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายกรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีนายฉัตรชัย พรหมเลิศ เป็นประธาน ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จ และรายงานนายกฯ ทราบ

โดยในส่วนของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้มีการส่งตัวกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปแล้ว ก่อนที่พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. ในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตร. มีคำสั่งให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการต่อสู้ว่าคำสั่งดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ กำลังพิจารณา 

ทั้งนี้ นายเศรษฐา ได้มอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แถลงรายละเอียดผลการตรวจสอบ 2 นายตำรวจระดับสูง ที่ทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า คณะกรรมการ ชุดนี้ได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาหลายชุด ในช่วง 4 เดือนได้มีการสอบพยานไป 50 กว่าคน รวมถึงพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ผลสอบพบว่ามีความขัดแย้งใน สตช.จริง ตั้งแต่นายตำรวจระดับสูง กลาง เล็ก เรื่องที่เกิดส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับ 2 คน ทีมงานก็ขัดแย้งไปด้วย มีคดีที่เกี่ยวข้องกว่า 10 คดี เช่น คดีเป้ รักผู้การฯ140ล้าน คดีกำนันนก คดีมินนี่พนันออนไลน์ คดีเว็บพนันBNK ซึ่งมีเจ้าภาพรับผิดชอบแล้ว โดยต้องดำเนินการส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบไป บางเรื่องส่งให้หน่วยงานกระบวนการยุติธรรม ทั้งตำรวจ อัยการ ศาล ว่ากันตามปกติ 4.บางเรื่องเกี่ยวกับหน่วยงานนอกกระบวนการยุติธรรม คือ องค์กรอิสระ เช่น ป.ป.ช. ปปง. ดีเอสไอ ซึ่งคดีต่างๆ มีเจ้าภาพรับผิดชอบแล้วทั้งสิ้น 

โดยพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ให้กลับ สตช. ก่อนมีคำสั่งตั้งกรรมการสอบวินัย และคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนนั้น ขณะที่พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ คณะกรรมการฯ เห็นสมควรให้กลับ สตช. ไปดำรงตำแหน่งหน้าที่ราชการเดิม ผบ.ตร. ไม่มีอะไรสอบสวนแล้ว ส่วนคดีให้ดำเนินตามสายงาน ส่วนจะตั้งกรรมการสอบวินัย เป็นเรื่องของ สตช. ขณะที่กฤษฎีกา ระบุ คำสั่งให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน ต้องไม่กระทบต่อสิทธิ และหน้าที่ ซึ่งกฤษฎีการะบุว่าไม่ถูกต้อง ต้องทำตามคำแนะนำของคณะกรรมการสอบวินัย ทั้งนี้ ในส่วนของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หากได้คืนตำแหน่งรองผบ.ตร. ก็ยังมีโอกาสลุ้นเป็นผบ.ตร. แม้จะมีคดีในป.ป.ช. เนื่องจากกฎหมายระบุว่าคดีไม่เป็นเหตุมาสกัดกั้นตำแหน่งบุคคล 

นายวิษณุ กล่าวว่า สำหรับกรณีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนนั้น เป็นการออกคำสั่งตามมาตรา 132 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2505 ที่เคยทำกันมาในอดีต แต่ใน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ได้มีการเพิ่มมามาตราหนึ่งว่า ในกรณีที่สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้วไปกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของบุคคลนั้น คำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน ต้องทำโดยคำแนะนำของคณะกรรมการสอบสวน แต่เนื่องจากเมื่อวันที่ 18 เม.ย.67 มีการออกคำสั่งถึง 3 คำสั่งคือ สั่งให้กลับ สตช. สั่งตั้งกรรมการสอบวินัย และสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนทันที ซึ่งเป็นปัญหา และมีการส่งไปหารือคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยคณะกรรมการกฤษฎีกามีมติ 10 ต่อ 0 เห็นว่า การสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนไปกระทบต่อสิทธิประโยชน์และหน้าที่ รวมทั้งสิทธิการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงต้องทำตามคำแนะนำของคณะกรรมการสอบสวน แต่เรื่องนี้ไม่ผ่านคณะกรรมการสอบสวน คณะกรรมการกฤษฎีกาจึงเห็นว่า ไม่ถูกต้องและไม่ชอบธรรม จึงให้ไปดำเนินการให้ถูกต้อง  โดยสถานภาพของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ขณะนี้ ถือว่าอยู่ระหว่างการรอนำความกราบบังคมทูลฯ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ต้องตรวจสอบว่าทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยขณะนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้ไปฟ้องคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.ตร.) อยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า การส่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กลับไป สตช.ปัญหาที่ยังค้างคาจะสามารถแก้ไขได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ที่ถามว่ากรณีมีความสับสน วุ่นวาย จนไม่สามารถแก้ไขได้ การที่เอาทั้งสองคนออกมา เราไม่ได้เอาออกมาเพื่อที่จะแก้ไข แต่เอาออกมาเพื่อที่จะตรวจสอบในหลายๆ เรื่อง ซึ่งได้นำมาสู่การแก้ไขต่อไปที่จะมีในอนาคต นายกฯขอให้ทั้งสองฝ่ายปรองดองกันในงานราชการ ส่วนเรื่องส่วนตัวที่แต่ละคนมีอะไรและใครทำผิดก็ขอให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย เพราะแต่ละหน่วยงานมีอำนาจอยู่แล้ว ส่วนการทำงานที่จะบังเกิดกับประชาชน ไม่ให้ประชาชนรู้สึกเสื่อมศรัทธา เสียภาพพจน์และภาพลักษณ์ที่มีเป็นเรื่องที่ต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาใน สตช. รวมถึงเจ้าหน้าที่อื่นๆ ด้วย เชื่อว่าสถานการณ์จากนี้จะเบาบางลง เพราะที่ผ่าน 4 เดือน ทั้งสองฝ่ายได้มีการพบปะพูดจากันมากพอสมควร คณะกรรมการก็ได้เข้าไปไกล่เกลี่ย แต่ไม่ได้เป็นการซูเอี๋ย และไม่ใช่มวยล้มต้มคนดู แต่หากไม่ทำเช่นนั้น สตช.จะไม่มีหัวขบวน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ จะรับงานไม่ไหว จำเป็นต้องมีกำลังเข้าไปช่วยเสริม โดยเฉพาะนโยบายของรัฐบาล ทั้งเรื่องยาเสพติด การพนันออนไลน์ และหนี้นอกระบบ ซึ่งจำเป็นจะต้องจัดการให้ได้โดยเร็วที่สุด ขอให้ไปแบ่งหน้าที่กันทำ จึงจำเป็นต้องส่งกลับไป

เมื่อถามย้ำว่า การที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กลับไป สตช. จะเกิดความสงบเรียบร้อยใน สตช.ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า คงไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่คงจะจบ สงบลงไปได้ เพราะเขาคงจะปรองดองกันในการทำงานราชการ ส่วนที่มีอะไรกินใจกันคงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และอีกไม่กี่เดือนจะมีการเตรียมหา ผบ.ตร.คนใหม่ แต่อย่างน้อยตอนนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ก็หลุดและไม่เข้ามาเกี่ยวในวงจร ตนก็ตอบได้ว่าก็จะเรียบร้อยไปได้ในระดับหนึ่ง เรื่องต่างๆ ก็จะอ่อนลง ช่วงที่ผ่านมาก็เห็นว่าอ่อนลง แต่การจะให้หมดไปคงไม่ได้ เพราะความขัดแย้งบางเรื่องมีตั้งแต่ปี 57 

เมื่อถามว่า ในรายงานที่ได้รับมามีความคืบหน้าของแต่ละคดีหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี เพราะคณะกรรมการไม่ได้สอบในเรื่องนี้ เพียงแต่บอกว่าแต่ละคดีอยู่ขั้นตอนไหน ใครเกี่ยวข้องบ้าง หลายเรื่องสื่อก็ไม่รู้ ตนก็ไม่รู้ เช่น ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยกันเอง และยืนยันการส่ง สตช.ไม่ถือว่าเป็นการล้างมลทิน แต่ละเรื่องต้องเดินหน้าต่อตามระเบียบ ส่วนผลสอบจะผูกพันกับองค์กรอื่นหรือไม่นั้น ไม่ผูกพัน แต่แจ้งให้องค์กรอื่นทราบ ตนจึงแนะนำคณะกรรมการให้เก็บผลสอบไว้ที่ สลค. เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถมาขอดูได้ ยืนยันคดีต่างๆ ต้องมีข้อยุติว่าใครผิดใครถูก โดยดำเนินการเหมือนคดีของคนทั่วไป ยืนยันไม่ได้เป็นการฟอกขาว เพราะคดีที่อยู่ใน ป.ป.ช.ก็ต้องไปสู้กันต่อ 

เมื่อถามว่า คำสั่งที่ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ออกจากราชการไว้ก่อนใครจะต้องรับผิดชอบ นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้าทำไม่ถูกก็ไปทำให้ถูก ส่วนผู้ลงนามในคำสั่งจะมีความผิดหรือไม่นั้น ถ้ารู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือดำเนินการโดยสุจริตก็ไม่มีความผิด แต่ถ้ารู้อยู่แล้วว่า พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติมีการเปลี่ยนแปลงและไปกลั่นแกล้งก็ถือว่ามีความผิด 

เมื่อถามว่า ระหว่างที่ให้ สตช.กลับไปทำตามคำแนะนำของคณะกรรมการสอบสวนให้ถูกต้อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังสามารถกลับไปทำในตำแหน่งรองผบ.ตร.ได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ต้องถือว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ถูกออกจากราชการไว้ก่อน แต่ยังไม่ได้การนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ และเหตุที่ยังไม่ได้มีการนำความกราบขึ้นบังคมทูลฯ เพราะกระบวนการที่ผ่านมายังไม่ถูกต้อง 

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากกระบวนการเสร็จสิ้นแล้ว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังไม่หลุดออกจากตำแหน่ง ยังมีโอกาสลุ้นตำแหน่ง ผบ.ตร.หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “มีครับ ใครก็มีโอกาสขึ้นมาทั้งนั้นที่เป็นรองผบ.ตร. หรือเทียบเท่า” 

เมื่อถามว่า กรอบเวลาในการตรวจสอบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีกำหนดไว้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี ตรงกันข้ามบางเรื่องที่อยู่ใน ป.ป.ช.เขายังระบุไม่ให้นำมาพิจารณาเกี่ยวกับการโยกย้าย 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์