‘บิ๊กโจ๊ก’ขู่ฟ้องนายกฯหากไม่สั่งเปลี่ยนคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน

‘บิ๊กโจ๊ก’ขู่ฟ้องนายกฯหากไม่สั่งเปลี่ยนคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน

‘บิ๊กโจ๊ก’ขู่ฟ้อง‘นายกฯ’เอาผิด ม.157 หากไม่สั่งการให้ ผบ.ตร. เปลี่ยนคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ย้ำหากได้กลับถอนทุกคำร้อง พร้อมอโหสิกรรมทั้งหมด ซัดกูรูค้านคำวินิจฉัยกฤษฎีกา เคยนั่งร้องไห้ ชวดนั่งผบ.ตร.

‘บิ๊กโจ๊ก’พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทย ถึงกรณีที่อาจจะยื่นดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พร้อมกันนี้จะยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ไต่สวนพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. กรณีเพิกเฉยไม่มีคำสั่งให้กลับไปดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ว่า ที่ตนได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะถอนฟ้องทั้งหมด และจะไม่ฟ้องใครแล้ว หมายความว่าตนจะต้องได้สิทธิของตนตามถูกต้องโดยชอบธรรม แต่วันนี้ตนยังไม่ได้รับความยุติธรรม ตนจึงต้องเรียกหาความยุติธรรมตามกระบวนการกฎหมาย วันนี้ตนไม่ได้ต่อสู้นอกระบบกฎหมาย ตนต่อสู้เหมือนนักกีฬา

“หากผมได้กลับไปแล้ว ผมอโหสิกรรมหมด แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับ ผมก็ต้องเดินหน้าต่อสู้ เพื่อหาความยุติธรรมให้กับตัวเอง วันนี้ถ้าผมผิดเอาผมออกได้ แต่ต้องปฏิบัติโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่วันนี้ปฏิบัติผิดกฎหมาย วันนี้นายกฯออกมาพูดแล้วว่าคำสั่งมันไม่สมบูรณ์ ที่สำคัญนายกฯได้ส่งเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอให้นายกฯนำความข้อทูลเกล้าฯ เพื่อให้ผมออก ส่งกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่านายกฯ ต้องการรักษาหน้าพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เอาไว้ ท่านไม่บอกว่าคุณทำผิด คุณต้องทำให้ถูก เมื่อคุณทำผิดก็ต้องแก้ไขให้มันถูก”
 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีการเอาคดีของตนเข้าสู่การพิจารณาของ อนุ ก.ตร. ด้านวินัย ซึ่งไม่มีอำนาจ เนื่องจากเขามีอำนาจพิจารณาแค่ว่า ผบ.ตร. มีอำนาจหรือไม่ ไม่ได้มีอำนาจพิจารณาเรื่องอุธรณ์ร้องทุกข์ ไม่ได้มีอำนาจวินิจฉัยว่า ดำเนินการชอบธรรมหรือไม่ ถูกต้องหรือไม่ เสียหายหรือไม่ จะเยียวยาอย่างไร อย่าลืมว่า ก.ตร. เขาใช้ระบบการไต่สวน จะให้ทั้งสองฝ่ายมาร่วมแก้ต่าง แต่อนุ ก.ตร. วินัย ไม่มี เขาฟังความข้างเดียว ฉะนั้นต้องดูว่าการทำแบบนี้เป็นธรรมหรือไม่

เมื่อถามว่า เมื่อมองว่าอนุ ก.ตร. พิจารณาคำอุทธรณ์ไม่ได้ แล้วตัวของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยื่นอุทธรณ์ไปที่ ก.ตร. ด้วยทำไม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ เราสามารถยื่นได้ 2 ส่วน 1.ยื่นคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม 2.สามารถยื่น ก.ตร. เพื่อไม่ให้รักษาการ ผบ.ตร. เสียหน้า นายกฯก็ต้องนำเข้า ก.ตร. แล้วก็มีมติให้รักษาการ ผบ.ตร. ไปแก้ไข อันนี้จะไม่มีใครเสียหน้า
 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้นายกฯสวมหมวก 2 ใบ ใบแรกประธาน ก.ตร. ใบสองผู้บังคับบัญชาของ รักษาการ ผบ.ตร. เมื่อพูดแล้วว่าคำสั่งไม่สมบูรณ์ อย่าลืมว่ามันมีมติครม. 2482 ซึ่งยังใช้อยู่ ระบุว่าหากหน่วยงานใดหารือไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา หน่วยงานนั้นต้องปฏิบัติตาม ฉะนั้นตนทำหนังสือถึงนายกฯ ตนไม่ได้ขู่ท่าน แต่ในฐานะที่ท่านเป็นผู้บังคับบัญชา ผบ.ตร. ท่านต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยการสั่งให้แก้ไขคำสั่ง เพื่อเพิกถอนคำสั่ง แต่ถ้าท่านนายกฯยังเพิกเฉยละเลย มันก็จะเข้ามาตรา 157 เช่นกัน

เมื่อถามว่า หากนายกฯเพิกเฉยก็จะฟ้องนายกฯ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า แน่นอน อันนี้มันเป็นการเดินตามหลักกฎหมาย ถ้าผมจะฟ้องท่านไม่ใช่ฟ้องในฐานะประธาน ก.ตร. แต่จะฟ้องในฐานะนายกฯ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของ ผบ.ตร. เมื่อรู้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติไม่ถูกต้อง ก็ต้องแก้ไขสั่งการให้ดำเนินการให้ถูกต้อง

เมื่อถามว่า นายวิษณุ เครืองาม แถลงว่าคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนไม่ชอบด้วยกฎหมาย มันยังไม่จบใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้ยังไม่จบ เพราะพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยังไม่ได้เพิกถอนคำสั่งของตน ตนจึงต้องยื่นกล่าวหาต่อ ป.ป.ช. วันนี้มันเป็นเรื่องผิดปกติ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่พยายามออกมาพูดตลอดเวลา แล้วไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งได้วินิจฉัยเป็นที่สิ้นสุดแล้ว แต่ท่านออกมาพูดชี้นำตลอดเวลา ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา

“วันนี้สังคมสับสน ผมขออธิบายว่า เรื่องข้อกฎหมายมี 2 ข้อ 1. ตามมาตรา 131 ให้อำนาจ ผบ.ตร. สั่งให้ออกราชการ แต่ตำรวจต้องถูกคดีอาญา กระทำผิดวินัยร้ายแรง ซึ่งตำรวจจะถูกออกได้ เช่น สมมุติว่าผมฆ่าคนตาย 2 ศพ ผบ.ตร. เซ็นต์ผมออกไปเลย ทำได้เลย เป็นอำนาจที่ถูกต้อง แต่สมมุติผมยิงคนตาย 2 ศพ ผบ.ตร. จะให้ผมออก แต่ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง เมื่อตั้งกรรมการสอบสวน ก็ต้องเดินตามกระบวนการกฎหมาย ต้องให้คณะกรรมการสอบสวนมีความเห็น มีข้อเสนอแนะ ซึ่งจะเข้าในมาตรา 120 เพราะถ้า ผบ.ตร. เซ็นต์ให้ผมออกเลย ผมยอมจำนน แต่เมื่อตั้งกรรมการสอบสวนแล้ว ต้องเดินตามกรรมการสอบสวน”

เมื่อถามว่า แปลกในกับบทบาทของ พล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ อดีตผบ.ตร. และ ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ และ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ประธานอนุ ก.ตร. ด้านวินัย มีข้อสังเกตบทบาทของสองท่านอย่างไร พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนไม่ขอเอ๋ยชื่อ แต่ขออธิบายว่า วันนี้เป็นเรื่องประหลาด บางท่านเข้ามาเรื่องของตำรวจ แต่กลับไม่ปกป้องตำรวจ 70-80 คน กลับมาบอกว่าเอาออกไปแล้ว ทำไมจะทำไม่ได้ อย่านี้มันประหลาด เมื่อท่านจะมาเป็นผู้แทนตำรวจ ท่านก็ต้องปกป้องตำรวจ หลายคนเป็นตำรวจชั้นผู้น้อย เขาออกไปอีกกี่ชีวิต แน่นอนเขาอาจจะทำผิด เช่น ไปค้ายาเสพติด แต่ต้องดูว่ากระบวนการให้ออกถูกต้องหรือไม่

“ตอนนี้ต้องย้อนไปดูปูมหลัง 70-80 คน สมัยรับราชการเขาอยู่กับสำนักงานเดียวกับใครหรือเปล่า อยู่หน้าห้องใครหรือเปล่า อยู่สำนักงานเดียวกันหรือเปล่า ซึ่งผมหมายถึงความสัมพันธ์ของผู้มีอำนาจที่ต้องแก้ไขคำสั่งผมในเวลานั้น ต้องดูสิว่ากูรูเหล่านี้เขาออกมาพูด แล้วไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ เคยอยู่สำนักงานเดียวกันหรือเปล่า”

เมื่อถามว่า คนที่มาขวางไม่ให้กลับตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ต้องการผลักดันพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ขึ้นเป็น ผบ.ตร. ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า “ผมขอมองว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน ส่วนกรณีของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ นายวิษณุออกมาพูดแล้ว ผมถือว่าท่านรับรู้แล้ว เมื่อท่านรับรู้แล้วยังเพิกเฉย ผมก็ต้องกล่าวหาต่อ ป.ป.ช. แล้วที่ผมพ่วง ผู้บังคับการกองวินัย และผู้บัญชาการสำนักกฎหมายไปด้วย เพราะพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เซ็นต์ให้ผมออกตามที่ลูกน้องเสนอ แต่ผู้บังคับการกองวินัยไม่มีอำนาจเสนอให้ผมออก คนที่จะให้เสนอให้ผมออกคือคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย”

เมื่อถามว่า สรุปว่าวันนี้ยังต้องรบเพราะยังไม่ได้กลับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า “ยังไม่ได้กลับ ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม ถ้าได้กลับก็ยกเลิกกันไป วันนี้มีตำรวจใน 70-80 คน บางคนเขาออกโดยคำสั่งถูก แต่บางคนผิด เพราะไปตั้งกรรมการสอบสวน แต่ไม่มีข้อเสนอแนะจากกรรมการสอบสวน 

“ผมขอฝากกูรูสมัยก่อนไม่ได้เป็น ผบ.ตร. ยังมานั่งร้องห่มร้องไห้กับผมเลย ร้องไห้เป็นเด็กเลยว่า ลูกพี่จะเดือดร้อน ลูกพี่จะเสียใจ ครอบครัวพี่จะเสียใจ ผมอุตส่าห์นั่งฟังกูรูท่านนี้ร้องไห้อยู่ครึ่งชั่วโมง แต่ผมนี่ไม่ได้ร้องไห้เลย ผมพยายามนั่งฟังปลอบใจ แต่วันนี้ออกมาพูดใหญ่โตเลย ทั้งที่ครั้งหนึ่งก็เคยถูกกระทำ แล้วมานั่งร้องไห้กับผม แล้ววันนี้มาทำแบบนี้ ผมก็ไม่เข้าใจว่าท่านจำอดีตไม่ได้เหรอ ท่านโอดครวญกับผม ตอนนั้นผมเป็นแค่ผู้การเอง ผมก็สงสาร แต่วันนี้ผมงง ท่านลืมอดีตได้อย่างไร แต่อย่างผม ผมไม่เคยร้องนะ”