ป.ป.ช.ฟัน 7 จนท.ศุลกากร เอื้อเอกชนนำเข้ารถหรู-สำแดงเท็จ เสียหาย 897 ล้าน

ป.ป.ช.ฟัน 7 จนท.ศุลกากร เอื้อเอกชนนำเข้ารถหรู-สำแดงเท็จ เสียหาย 897 ล้าน

ป.ป.ช.ฟัน 7 จนท.กรมศุลกากร เอื้อประโยชน์เอกชน ปมนำเข้ารถหรู-สำแดงเท็จ 62 คัน รัฐเสียหายกว่า 897 ล้านบาท ยังเหลือไต่สวนอีก 60 คัน

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2567 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงถึงมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อหน้าที่ราชการ กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวน กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า นายชลิต หอมหวล นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ กรมศุลกากร กับพวก ช่วยเหลือผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์ที่ไม่ใช่ตัวแทน ด้วยการรับราคารถยนต์นั่งใหม่สำเร็จรูปที่นำเข้าจากต่างประเทศที่สำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริงเป็นราคาศุลกากร และตรวจปล่อยไปจากอารักขาศุลกากร รวมจำนวน 62 คัน จำนวน 2 สำนวนคดี

โดยข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏจากหลักฐานบัญชีราคาสินค้า (INVOICE) ซึ่งเป็นหลักฐานตามคำร้องขอความร่วมมือระหว่างประเทศในทางอาญาจากสาธารณรัฐอิตาลี ว่ารถยนต์ยี่ห้อ LAMBORGHINI และยี่ห้อ MASERATI จำนวน 122 คัน ที่นำเข้าโดยบริษัท จูบิลี่ไลน์ จำกัด บริษัท เบนซ์นครินทร์ ออโต้ กรุ๊ป จำกัด และบริษัท เฟอร์ม่า มอเตอร์ จำกัด มีการสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริง โดยระหว่างวันที่ 17 มกราคม 2554 ถึงวันที่ 28 ตุลาคม 2557 นายชลิต หอมหวล นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ นายเอกสิทธิ์ รัตนะ นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ (เสียชีวิตแล้ว) และนายนิตย์ชัย ร่มสุขวนาสันต์ นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ สังกัดสำนักงานศุลกากรกรุงเทพ นายสนองชัย  เลขกลาง นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ นายธนพล  มณีรัตน์ นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ นายอภิชาต  แย้มมณี นักวิชาการศุลกากรปฏิบัติการ นายพรชัย เกศไตรทิพย์ นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ และนายศรัณยพงศ์  สุรรัตน์ นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ สังกัดสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง

ได้ตรวจปล่อยรถยนต์นั่งใหม่สำเร็จรูปยี่ห้อ LAMBORGHINI ซึ่งนำเข้าโดยบริษัท จูบิลี่ไลน์ จำกัด และบริษัท เบนซ์นครินทร์ ออโต้ กรุ๊ป จำกัด จำนวน 29 คัน และยี่ห้อ MASERATI นำเข้าโดยบริษัท เฟอร์ม่า มอเตอร์ จำกัด จำนวน 33 คัน ตามใบขนสินค้าซึ่งสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริงเป็นราคาศุลกากรและได้ชำระค่าภาษีอากรแล้ว ไปจากอารักขาของศุลกากร โดยรู้อยู่แล้วว่าราคาที่บริษัทผู้นำเข้าทั้งสามบริษัทสำแดงไม่ใช่ราคาที่ได้ชำระจริงและเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาซื้อขายจริง ทำให้บริษัทผู้นำเข้าได้ประโยชน์ในการชำระค่าภาษีอากรนำเข้าน้อยกว่าที่ต้องชำระจริง เป็นเหตุให้กรมศุลกากร กรมสรรพากร และกรมสรรพสามิต ได้รับความเสียหายรวมเป็นเงินจำนวนไม่น้อยกว่า 897,148,369 บาท

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า

1. การกระทำของนายชลิต  หอมหวล นายสนองชัย เลขกลาง นายธนพล  มณีรัตน์ นายพรชัย เกศไตรทิพย์ นายนิตย์ชัย ร่มสุขวนาสันต์ นายอภิชาต แย้มมณี และนายศรัณยพงศ์ สุรรัตน์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 154 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 91 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 แล้วแต่กรณี และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

2. การกระทำของบริษัท จูบิลี่ไลน์ จำกัด บริษัท เบนซ์นครินทร์ ออโต้ กรุ๊ป จำกัด บริษัท เฟอร์ม่า มอเตอร์ จำกัด และเอกชนที่เกี่ยวข้อง มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด และฐานความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจ และส่งรายงาน สํานวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคําวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณี

ทั้งนี้ ให้แจ้งกรมศุลกากรดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหาย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง และให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาหรือ ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนดำเนินการทางวินัยไปตามหน้าที่และอำนาจกับผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหากรณีบกพร่องไม่ควบคุมกำกับดูแลการปฏิบัติงานของผู้ถูกกล่าวหา จนเป็นเหตุให้กรมศุลกากรได้รับความเสียหายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 64 ต่อไป

สำหรับกรณีการนำเข้ารถยนต์ยี่ห้อ LAMBORGHINI และยี่ห้อ MASERATI อีกจำนวน 60 คัน ยังอยู่ระหว่างการไต่สวน