'สุทิน'ชง ครม.แก้สัญญา 'เรือดำน้ำ'แล้ว หลังข่าวจีนขายให้อินโดฯ

'สุทิน'ชง ครม.แก้สัญญา 'เรือดำน้ำ'แล้ว หลังข่าวจีนขายให้อินโดฯ

“สุทิน” ชง ครม.แก้สัญญา “เรือดำน้ำ”แล้ว หลังข่าวจีนขาย S26Tให้อินโดฯ “ผู้ช่วยผบ.ทร.” ย้ำข่าวเท็จ พร้อมแจงยิบศักยภาพเครื่องยนต์เรือดำน้ำจีน เผยต่อเรือไป 64 เปอร์เซ็นต์ คาดส่งมอบปี71

5 ก.ค.2567 พลเรือเอกชลธิศ นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดหาเรือดำน้ำ เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการจัดหาเรือดำน้ำจีนของกองทัพเรือว่า ได้ลงนามโครงการเมื่อปี 2560 ข้อตกลงระหว่างรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน การจ่ายเงินมีทั้งหมด 18 งวด ได้จ่ายไปแล้ว 10 งวด หรือคิดเป็น 60% เป็นจำนวนเงิน 7,700 ล้านบาท และยังคงค้างจ่าย 40%  หรือคิดเป็นจำนวนเงิน 5,500 ล้านบาท ปัจจุบันการสร้างเรือดำน้ำให้กับกองทัพเรือไทยเสร็จสิ้นไปแล้ว 64%  ยืนยันว่าเรือดำน้ำมีความจำเป็น เพื่อรักษาอธิปไตยทางทะเล และปกป้องทรัพยากรทางทะเลมูลค่า 24 ล้านล้านบาท รวมถึงเส้นทางคมนาคมทางทะเล 

“ หลังจากที่กองทัพเรือ ได้ร้องขอให้ผู้มีอำนาจในการแก้ไข เรื่องจัดการซื้อเรือดำน้ำ ที่มีด้วยกัน 2 ประเด็น คือ 1.กองทัพเรือขอแก้ไขข้อตกลง ปัญหา โดยการเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ดีเซล ขับเคลื่อนกำเนิดไฟฟ้า จากรุ่น MTU 396  เป็นเครื่องยนต์เรือดำน้ำจีน CHD620 และ 2.ขอขยายระยะเวลาการส่งมอบเรือดำน้ำตามโครงการออกไป เป็น 1,217 วัน และหากมีการเปลี่ยนแปลงอะไรต่างๆหลังจากนี้ ขอให้มอบอำนาจให้กับทางกองทัพเรือสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ และมอบอำนาจให้ผู้บัญชาการทหารเรือ ไปลงนามในการแก้ไขข้อตกลง

ล่าสุด นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงนามในหนังสือจากกระทรวงกลาโหม เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อขอแก้ไขข้อตกลงการแก้ไขเรื่องเรือดำน้ำของทหารเรือ ที่ได้เสนอไป 2 เรื่องดังกล่าวแล้ว

ส่วนความเป็นห่วงเรื่องสัญญาที่จะเสียเปรียบ โดยเฉพาะเรื่องเครื่องยนต์นั้น ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือทำสัญญาตั้งแต่ปี 2560 พอปี พอปี 2564 ทางจีนก็ส่งหนังสือแจ้งมาว่าจีนไม่สามารถจัดหาเครื่องยนต์ดีเซลขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ MTU 396 มาติดตั้งในเรือดำน้ำตามสัญญาที่ทำไว้กับฝ่ายไทยได้ ซึ่งในการเซ็นสัญญากับจีน ระบุแค่เพียงรหัสเครื่องยนต์แต่ไม่ได้บอกว่าเครื่องยนต์ต้องซื้อจากเยอรมนี เราต้องการแค่เครื่องยนต์รหัสนี้ แต่ปี 2563 อียูปรับปรุงนโยบาย และแซงชั่นจีนเพิ่มมากขึ้น กระทั่งในปี 2564 จีนมาแจ้งไทยว่าเกิดปัญหาใช้เครื่องเยอรมันไม่ได้ จีนจะใช้เครื่อง CHD 620 แทน ซึ่งเราพยายามแก้ปัญหามาตั้งแต่ ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน 

เมื่อถามว่า จีนรู้ก่อนหรือไม่ก่อนที่จะมาขายให้ไทย หรือเขาหลอกเราหรือเปล่า หรือเราเต็มใจให้หลอก พลเรือเอกชลธิศ ชี้แจงว่า จีนก็ไม่ได้รู้มาก่อนเหมือนกัน และเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกองทัพเรือพยายามแก้ไขปัญหา เราก็บอกว่าเรากับเยอรมนีมีความสัมพันธ์ที่ดี เราก็ไปซื้อจากเยอรมนีและจ้างจีนติด แต่เยอรมนีไม่ยอม รัฐบาลก็พยายามคุยกับทางเยอรมนี แต่เยอรมันมีนโยบายแซงชั่นกีดกันการขยายความสามารถของจีน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะไทย แต่ปากีสถานก็โดนเช่นกัน 

ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2564-65-66 กองทัพเรือพยายามไปศึกษา ไปตรวจสอบไปดู และสุดท้ายถึงขั้นส่งทีมงาน 23 คน ไปร่วมทดสอบเครื่อง 28 วันที่เมืองจีน ไปดูว่าเครื่องที่จีนเสนอมามันใช้ได้หรือไม่ มันได้มาตรฐานหรือไม่ มันมีคุณภาพหรือคุณสมบัติเท่ากับเครื่องที่เขาเคยเสนอมาหรือไม่ ดีกว่าหรือเท่าเทียมกันไหม 

โดยผลการทดสอบเมื่อปี 2566 ทีมของเราทั้ง 23 คนก็ได้ทำรีพอร์ตมาว่าเครื่องยนต์มีขีดสมรรถนะเทียบเท่า เป็นไปตามข้อกำหนดที่กำหนดไว้ในสัญญา เช่น สัญญาระบุว่าต้องผลิตได้ออกมาสองพันแรงม้า เครื่องนี้ก็ทำได้ ,ต้องมีความสั่นหรือเสียงไม่เกินเท่านี้ ต้องมีความร้อนไม่เกินเท่านี้ เครื่องนี้ทำได้ เป็นไปตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ในสัญญาตั้งแต่ปี 2560 เครื่องนี้ทำได้หมด 

อีกทั้งเจ้าหน้าที่ของเรายังได้ทำการทดสอบเครื่องยนต์ในบางรายการซ้ำ เพื่อให้เรามั่นใจ ซึ่งเราก็บอกว่าเรายอมรับเครื่องนี้ได้ อย่างไรก็ตามจีนบอกไว้ว่าถ้าคุณจะเปลี่ยนไปใช้เครื่องที่จีนเสนอ มันจะต้องขยายระยะเวลาออกไป 1,217 วัน ซึ่งเป็นเวลาที่เขาจะผลิตเครื่องยนต์ 365 วัน 

ส่วนวันที่เหลือเป็นวันที่เป็นไปตามกำหนดการเดิม กองทัพเรือในฐานะผู้ซื้อเห็นว่าเราได้เรือช้าไป จึงเจรจาต่อรองให้จีนหาอุปกรณ์มาชดเชยจากความเสียโอกาส โดยทางจีนจึงได้เพิ่มในส่วนของการรับประกันเป็นมูลค่า 200 ล้าน เช่น การรับประกันอะไหล่ ,ให้ตอร์ปิโดฝึก และยังรับประกันความเสียหายเครื่องยนต์จาก 2 ปี เป็น 8 ปี ,ขยายเวลาการอบรมเจ้าหน้าที่ทางเทคนิค ดังนั้นเครื่องยนต์เป็นเครื่องใหม่ที่ไปทดสอบมาในชื่อรุ่น  CHD620 เป็นเครื่องของจีน ซึ่งเครื่องยนต์รุ่นนี้ใช้ในเรือผิวน้ำอย่างแพร่หลายแล้ว ของไทยมีใช้ในเรือหลวงช้าง 6 เครื่อง เมื่อมีปัญหาเรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำ จีนจึงนำเครื่องรุ่นนี้มาพัฒนาเพื่อใช้กับเรือดำน้ำ 


ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ย้ำว่า กองทัพเรือพิจารณาอย่างมืออาชีพ และรอบคอบ เพราะเราเป็นคนใช้ เรือดำน้ำอยู่กับเราอย่างน้อย 40 ปี คนที่จะลงไปต้องปลอดภัย เราพิจารณาอย่างรอบคอบ ส่วนเรื่องของการขยายเวลาก็ยอมรับได้ การชดเชยได้ต่อรองจนถึงที่สุดก็อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม จึงคิดว่าเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการที่จะดำเนินการโครงการต่อ ส่วนที่หลายคนถามว่าจีนผิดสัญญา ทำไมไม่เลิกนั้น มันเป็นความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เมื่อจีนไม่สามารถหาอุปกรณ์นี้ได้ ทั้งสองฝ่ายก็ได้มาเจรจาแล้วหาทางออกด้วยกัน เปรียบเหมือนเราสร้างบ้านแล้วเราไม่ได้หลังคารุ่นนี้ เราจะเลิกสร้างบ้านหรือไม่ เราก็ไม่เลิก เพียงแต่ว่าหลังคาอันใหม่เราต้องมาพิจารณาว่ามันสมเหตุสมผลหรือไม่ ดังนั้นวาทกรรมว่าจีนเป็นฝ่ายผิด ทำไมเราไม่เลิก จึงไม่ใช่อย่างนั้น อีกทั้งถ้าเครื่องที่เขาเอามาทดแทนไม่ได้เรื่องจริงๆ เราก็ไม่รับ


พลเรือเอกชลธิศ เปิดเผยอีกว่า หลังจากนี้เมื่อประกอบเสร็จก็จะมีการทดสอบที่โรงงาน แล้วเอาไปติดตั้งในเรือเพื่อทำการทดสอบอีกครั้ง ก่อนจะเอาเรือลงไปทดลองใช้ในทะเลจริง และต้องดำไปใต้น้ำ 300 เมตร ต้องผ่านขั้นตอนพวกนี้ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน เราถึงจะยอมรับเรือ ซึ่งขณะนี้สรุปแล้วเราจะได้เรือดำน้ำตามที่ ครม.อนุมัติ 1 ลำ มีเครื่องทั้งหมด 3 เครื่อง ไว้สำรองทดแทน 2 เครื่อง จากที่มีความต้องการ 3 ลำ 

ส่วนการผลิตของจีนเราจะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจเมื่อเสร็จแต่ละงวดงาน และเราก็จะจ่ายเงินตามงวดงาน โดยคาดว่าเรือดำน้ำจะมาถึงไทยประมาณเดือนมกราคม ปี 2571 ยืนยันว่าเรือดำน้ำนี้ด้วยเทคโนโลยีนี้ จีนก็ยังใช้เรือรุ่นนี้อยู่ ฉะนั้นตนมั่นใจว่าเรือรุ่นนี้มีคุณสมบัติและขีดความสามารถ และด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันของเรือดำน้ำ ยังไม่ได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ฉะนั้นถามว่าช้าหรือไม่ที่เราได้รับ ยอมรับว่าช้า แต่ถามว่ายังใช้ต่อไปได้อีก 30-40 ปีได้หรือไม่ มั่นใจว่าใช้ได้ 

ส่วนกณีมีกระแสข่าวว่าจีนจะเลิกขายเรือดำน้ำให้ไทย ไปขายให้อินโดนิเซียแทนนั้น พลเรือเอกชลธิศ ยืนยันไม่ใช่ความจริง โดยได้ตรวจสอบกับบริษัทCSOCผู้แทนรัฐบาลจีน ไม่มีความจริงเลย เป็นข่าวเท็จ ส่วนที่พรรคก้าวไกลคัดค้านการซื้อเรือดำน้ำนั้น ประเด็นอยู่ที่ความเข้าใจ กองทัพเรือเป็นเครื่องมือของรัฐบาล เราเป็นมืออาชีพ ท่านมอบหน้าที่ให้เราดูแลผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงทางทะเล เราก็ให้ข้อเสนอแนะตามสายวิชาชีพกับทางรัฐบาล โดยรัฐบาลเป็นผู้พิจารณาเองว่าจะอนุมัติหรือไม่อนุมัติ และยืนยันว่าไม่เคยน้อยใจ เราไม่ใช่คู่ขัดแย้ง เป้าหมายของเราก็คือ เพื่อความมั่นคงของประเทศ