‘กิตติรัตน์’พ้นบ่วง ‘บูล็อค’ สัมพันธ์ ‘ปู-นิด’ หนุนคัมแบ็ค
น่าจับตาดูความเคลื่อนไหวของ “กิตติรัตน์” เมื่อพ้นบ่วงคดีข้าวบูล็อค การกลับเข้าสู่อำนาจย่อมมีโอกาสสูง อยู่ที่ “V1 - V2” จะใช้ประโยชน์ในด้านใด เพราะความสัมพันธ์เพื่องพ้องน้องพี่ ระหว่าง “กิตติรัตน์-เศรษฐา-ยิ่งลักษณ์”เกื้อหนุนกันมาตลอด
KEY
POINTS
ที่สำคัญหามีบัญชาจาก “V1 - V2” “ภูมิธรรม” ย่อมไม่มีทางจะแข็งข้อ ซึ่งอาจเป็นผลดีต่อภูมิธรรมที่ถนัดงานการเมืองเสียมากกว่า หากต้องหลีกทางให้ “กิตติรัตน์”
ขณะเดียวกัน อีกกระแสหนึ่ง ชื่อ “กิตติรัตน์” ยังมีโอกาสนั่งเก้าอี้ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งคนปัจจุบันกำลังจะหมดวาระ
อย่าลืมว่า “รัฐบาลเศรษฐา” ในปัจจุบัน รวมถึง “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ในอดีต มีทิศทางการบริหารงานขัดแย้งกับ “แบงค์ชาติ” มาโดยตลอด มีความพยายามปรับเปลี่ยนโครงสร้างหลายครั้ง แต่ดำเนินการไม่สำเร็จ
มาเที่ยวนี้ เริ่มต้น “รัฐบาลเศรษฐา”ได้เปิดฉากขัดแย้งกับ “ผู้ว่าฯแบงค์ชาติ” ไปแล้วหลายรอบ และเป็น “กิตติรัตน์” ที่ออกมาตอบโต้ในหลายครั้ง จึงมีการโยนหินถามทางว่า “กิตติรัตน์” อาจจะเหมาะสมเข้ามาช่วยแก้ปัญหาหรือไม่
หลังจากนี้ น่าจับตาดูความเคลื่อนไหวของ “กิตติรัตน์” เมื่อพ้นบ่วงคดีข้าวบูล็อค การกลับเข้าสู่อำนาจย่อมมีโอกาสสูง อยู่ที่ “V1 - V2” จะใช้ประโยชน์ในด้านใด เพราะความสัมพันธ์เพื่องพ้องน้องพี่ ระหว่าง “กิตติรัตน์-เศรษฐา-ยิ่งลักษณ์”เกื้อหนุนกันมาตลอด
KEY POINTS :
- หลังพ้นบ่วงคดีข้าวบูล็อค ชื่อของ "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" กลับมาเป็นตัวเลือกเบอร์ต้นๆ ที่จะคัมแบ็คกลับมาช่วยงาน "เศรษฐา ทวีสิน" โดยได้แรงหนุนจาก "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"
- ต้องจับตาดูว่า "เศรษฐา-ยิ่งลักษณ์" จะใช้งาน "กิตติรัตน์" ในตำแหน่งใด เบื้องต้นมีชื่อนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี แต่ต้องรอรอบการปรับครม.
- อีกตำแหน่งที่ถูกพูดถึงคือ "ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย" ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลค่อนข้างขัดแย้งกับ "แบงค์ชาติ" จึงไม่แปลกหากจะส่ง "กิตติรัตน์" ไปนั่งประธานบอร์ด
พ้นบ่วงคดีข้าวบูล็อคเสียที สำหรับ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” ประธานคณะที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กุนซือข้างกาย “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน
คดีดังกล่าวคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ สมัยเป็น รมว.พาณิชย์ กรณีไม่สั่งตรวจสอบการระบายข้าวเอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายเดียว
โดยคดีถูกส่งไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อดำเนินคดีกับ “กิตติรัตน์”
ทางฝั่ง ป.ป.ช. มั่นใจว่าจะสามารถเอาผิดได้ โอกาสรอดยากมีน้อยมาก เพราะคดีระบายข้าวใน “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ไม่มีสำนวนใด รอดสักสำนวน
ทำให้ “เศรษฐา” ใจแข็งไม่แต่งตั้งให้ “กิตติรัตน์” ดำรงตำแหน่งเป็นข้าราชการการเมือง แม้แต่ตำแหน่งเดียว โดยตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งที่ไม่มีเงินเดือน ตั้งเอาไว้คอยให้คำปรึกษา และใช้ปฏิบัติการทางลับเสียมากกว่า
โดยเฉพาะการได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหมู่แก้หนี้ทั้งในและนอกระบบ ประชุมหัวโต๊ะแถลงแก้หนี้รายเดือน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ “เศรษฐา” ตั้งโต๊ะแถลง โชว์เป็นผลงานอยู่เนืองๆ
ขณะเดียวกัน มีการมองว่า “กิตติรัตน์” ไม่มีที่นั่งในคณะรัฐมนตรี โฟกัสไปที่บาดแผลในอดีตอย่าง กรณี White Lies สมัยนั่งเป็นขุนคลัง ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ถูกล้อเลียนกันมาถึงวันนี้ แต่สาเหตุจริงมาจากคดี “ข้าวบูล็อค” ที่เป็นชนักปักหลังเสียมากกว่า
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 11 ก.ค.2567 ที่ผ่านมา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษายกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
เนื่องจากข้อมูลการซื้อขายข้าว ส่งมอบข้าวและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง “ภูมิ สาระผล” รมช.พาณิชย์ ในขณะนั้น ทราบเป็นอย่างดี และจำเลยรับทราบข้อมูลต่างๆ ผ่าน “ภูมิ” ส่วนข้อหาสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างร้ายแรง ไม่จำเป็นต้องพิจารณาเนื่องจากไม่มีผลต่อคดี
ขณะนี้เริ่มมีกระแสข่าวว่า “กิตติรัตน์” เตรียมแต่งตัวนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี โดยอาจจะมีการสลับมานั่งเก้าอี้ รมว.พาณิชย์ เสียบแทน “เดอะอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.พาณิชย์ ซึ่งเป็นการใช้คนถูกกับงานมากกว่า