'กิตติรัตน์' เขินถูกถาม 'นายกฯ' ทาบนั่ง รมต. หลังหลุดคดี

'กิตติรัตน์' เขินถูกถาม 'นายกฯ' ทาบนั่ง รมต. หลังหลุดคดี

"กิตติรัตน์" ฟิตหลังหลุดคดี เดินสายทร. ติดตามแก้หนี้ มั่นใจรัฐบาลทำได้เบ็ดเสร็จ เป็นรูปธรรมในปี67 เขินถูกถาม "นายกฯ" ทาบนั่ง รมต. ระบุ ทำงานอย่างนี้ดีแล้ว

16 ก.ค.2567 ที่กองทัพเรือ นายกิตติรัตน์  ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย กล่าวภายหลังร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้สินกำลังพลของกองทัพเรือถึงความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในการแก้ไขปัญหาหนี้สินตามนโยบายรัฐบาลว่า เมื่อหนี้สินครัวเรือนมีจำนวนมากเกือบเท่ากับระบบเศรษฐกิจ เศรษฐกิจโตช้าและดอกเบี้ยอยู่ในอัตราที่สูง โอกาสที่จะชำระหนี้ได้ครบถ้วน เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายรัฐบาลจึงต้องมีหน้าที่ทำอย่างไรให้เศรษฐกิจโตขึ้น คนที่อยู่ในแวดวงการเงินทั้งหมดต้องมีหน้าที่คิดด้วยกันว่าอัตราดอกเบี้ยที่เรากำลังคิดอยู่มันสูงเกินกว่าสมควรหรือเปล่า

ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไม่ดีการชำระหนี้ติดขัด สถาบันการเงินจึงต้องปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเพราะความเสี่ยง  แต่ในทางกลับกันหากสถานการณ์แบบนี้เราจะประคับประคองดอกเบี้ยไว้ไม่ให้สูงขึ้นได้หรือไม่ เพราะจะช่วยทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ดีขึ้น ความเสี่ยงที่มีต่อลูกหนี้กลุ่มต่างๆก็จะไม่เพิ่มขึ้นแล้วก็ลดลงได้


“ ในส่วนที่ดูแลหนี้สินกำลังพลของกองทัพเรือ เป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญในการดูแลหนี้สินของข้าราชการในส่วนนี้ ผมมั่นใจว่าในเวลาไม่กี่เดือนข้างหน้าทั้งประเทศจะสามารถประกาศความสำเร็จว่าข้าราชการจะมีเงินเหลือในการดำรงชีพ เจ้าหนี้ไม่ว่าจะเป็นระบบสหกรณ์หรือภาคสถาบันการเงินทั้งของรัฐและรัฐวิสากิจรวมถึงเอกชนได้รับการรับชำระหนี้ได้แต่ในส่วนอื่นๆก็ยังเป็นงานที่ยากอยู่”

นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า จากการติดตามการทำงานของคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน กำลังให้ความสำคัญกับหนี้ในส่วนอื่นๆทั้งหมด ทั้งหนี้สินบ้านพัก ที่อยู่อาศัย การปรับอัตราดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับความเสี่ยง รวมถึงหนี้สินบัตรเครดิต ที่ตอนนี้มีออกไปแล้ว 24ล้านใบ มีแนวโน้มที่เสียเพิ่มขึ้นแต่สัญญาณดีขึ้นเมื่อมีการเพิ่มอัตราชำระขั้นต่ำจากร้อยละ5มาเป็นร้อยละ8 ส่วนนี้รัฐบาลกำลังประสานงานไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย ถึงการที่ยังไม่ปรับขึ้นมาเป็นร้อยละ8ด้วย ส่วนสินเชื่อรถยนต์ในส่วนของรถที่ประกอบอาชีพต่างๆเช่นรถบรรทุกหากอยู่กับลูกหนี้ก็จะนำไปประกอบอาชีพได้ เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าการยึดมาขายทอดตลาดเพราะรถมือสองราคาต่ำเมื่อขาย ไม่พอชำระหนี้ก็ต้องไปฟ้องร้องต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลเป็นห่วง ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคลแต่เดิมเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงตอนนี้สถาบันการเงินต่างๆกำลังจะทบทวน คิดว่าทางรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังปรึกษาหารือกันในการช่วยประคับประคองสถานการณ์

“เชื่อมั่นว่าการแก้ไขในครั้งนี้ ในปี 2567 น่าจะมีความเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้เป็นอย่างดี” นายกิตติรัตน์ กล่าว

เมื่อถามว่า นายกฯ มาทาบทามให้เป็นรัฐมนตรีหรือยัง นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า
“ให้ผมทำงานอย่างนี้ดีแล้วครับ”

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ค.2567 ที่ผ่านมา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษายกฟ้อง ในคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง กิตติรัตน์ ณ ระนอง จำเลย ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด สมัยที่กิตติรัตน์ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไม่สั่งตรวจสอบการระบายข้าวเอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายเดียว