บิ๊กอีเวนต์ ‘ทักษิณ-เนวิน’ ศึกวัดบารมี ‘สุรินทร์-บุรีรัมย์’ แดงชนน้ำเงิน

บิ๊กอีเวนต์ ‘ทักษิณ-เนวิน’ ศึกวัดบารมี  ‘สุรินทร์-บุรีรัมย์’ แดงชนน้ำเงิน

บิ๊กอีเวนต์ "ศึกวัดบารมี" นายห้างสีแดง vs นายใหญ่สีน้ำเงิน "สุรินทร์-บุรีรัมย์" ดินแดนอีสานใต้ ศึกแดง-น้ำเงิน

KEY

POINTS

  • บิ๊กอีเวนต์ "ศึกวัดบารมี-ทดสอบมวลชน" นายห้างสีแดง vs นายใหญ่สีน้ำเงิน 
  • "สุรินทร์-บุรีรัมย์"  2จังหวัดอีสานใต้ แดงรุกฐาน-น้ำเงินขยายเมืองหลวง
  • จังหวะ“2 ผู้มากบารมี 2 สี”  ยังไม่จบนะครับนาย! 

“ศึกวัดบารมี” ดินแดนอีสานใต้ของ “2 ผู้มากบารมี 2 สี” เริ่มส่งสัญญาณเป็นระยะ ไล่ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี มี“บิ๊กอีเวนต์” ลงพื้นที่“เมืองช้าง” เพื่อเป็นประธานโครงการบรรพชาอุปสมบท เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่วัดสุวรรณวิจิตร อ.ปราสาท จ.สุรินทร์

ในวันดังกล่าว “ทักษิณ” พูดชัด  “หลังจากเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป ผมจะขอทำงาน มีรูปธรรมออกมา” 

สัญญาณดังกล่าว ตีความเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากการประกาศตัวออกสู่หน้าฉากในฐานะ “นายใหญ่เพื่อไทย”ตัวจริง หลังพ้นโทษในวันที่ 22 ส.ค.นี้ 

บิ๊กอีเวนต์ ‘ทักษิณ-เนวิน’ ศึกวัดบารมี  ‘สุรินทร์-บุรีรัมย์’ แดงชนน้ำเงิน

อย่างที่รู้กันว่า “ดินแดนอีสานใต้” ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ระหว่าง “พรรคเพื่อไทย” และ “พรรคภูมิใจไทย” ที่แม้จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่ถึงเวลาลงสนามเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นสนามเล็กหรือใหญ่ ไม่มีใครยอมใครอย่างแน่นอน  

โดยเฉพาะ“สนามเมืองช้าง” พ.ศ.นี้เปลี่ยนไปจากเดิม “พรรคเพื่อไทย” ไม่ได้ยึดครองพื้นเฉกเช่นในอดีต

ตรงกันข้าม ในการเลือกตั้งรอบที่ผ่านมา กลับกลายเป็นพรรค“ภูมิใจไทย” ที่ตอกเสาเข็ม สส.เมืองช้าง ได้ไปถึง 5 คน จากทั้งหมด 8 คน 

ส่วนที่เหลือเป็นของ “เพื่อไทย” 3 คน ไม่ต่างจากผลการเลือก สว. ปรากฏว่า สว.สุรินทร์ 6 คน ล้วนแต่เป็น สว.สีน้ำเงินทั้งสิ้น

เป็นเช่นนี้ จึงมีการจับตาว่า ด้วยแรงฮึดของ “นายใหญ่ค่ายสีน้ำเงิน” ทำไปทำมา อาจวาดฝันตอกเสาเข็มปั้นเมืองสุรินทร์เป็นเมืองหลวงแห่งที่สองต่อจากบุรีรัมย์ก็เป็นได้

ก่อนหน้าที่ “ทักษิณ” จะลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 6 ก.ค. “อนุทิน ชาญวีรกูล”รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ขับเครื่องบินส่วนตัว เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาฟุตบอล รายการภูมิใจไทย เพื่อนปกรณ์ คัพ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2567 ณ สนามกีฬาศรีณรงค์ อ.เมืองสุรินทร์ รวมถึงเป็นประธานเปิดโครงการ “ต้นกล้ามวยไทย”ประจำปี 2567

โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของ“ปกรณ์ มุ่งเจริญพร” ซึ่งผูกขาดสนามดังกล่าวตั้งแต่เป็นสมาชิกสภาจังหวัด(สจ.)สุรินทร์ ปี 2543 - 2550 กระทั่งเป็น สส.เขตดังกล่าว กินระยะเวลาถึง 4 สมัย และ"ปกรณ์"เข้าสู่การเมืองสนามใหญ่ ภายใต้การสนับสนุนของ “กลุ่มเพื่อนเนวิน”

บิ๊กอีเวนต์ ‘ทักษิณ-เนวิน’ ศึกวัดบารมี  ‘สุรินทร์-บุรีรัมย์’ แดงชนน้ำเงิน

ขณะที่วันรายงานตัว สว.ยังปรากฎภาพ “ปกรณ์” และ “สนอง เทพอักษรณรงค์” สส.บุรีรัมย์ เดินทางมารอต้อนรับ สว.ใหม่ โดยให้เหตุผลว่า มาร่วมยินดีคนบ้านเดียวกัน

ไม่ต่างจากสนามเมืองหลวงสีน้ำเงิน อย่าง “บุรีรัมย์”  ย้อนกลับไปเมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว หลังฟอร์มทีมรัฐบาลใหม่ๆ “หัวหน้าหนู อนุทิน” หอบลูกพรรคเยือนถิ่นเซาะกราว บ้านเกิด “พ่อใหญ่เนวิน ชิดชอบ” เปิดอบรมสัมมนา ปฐมนิเทศ สส. และสมาชิกพรรคที่ได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมือง พร้อมฉลองเบิร์ดเดย์ย้อนหลังให้ “พ่อใหญ่เนวิน” ผู้นำทางจิตวิญญาณสีน้ำเงิน ซึ่งครบรอบ 65 กระรัต

คล้อยหลังไม่ถึงปี ปลายเดือน ก.ค.นี้  “อนุทิน” เตรียมหอบลูกพรรคภูมิใจไทยลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์อีกรอบ ในวันที่ 28 ก.ค.นี้

ภารกิจครั้งนี้ นอกจากจะมีการประชุมพรรคแล้ว ตามกำหนดการในช่วงเย็นจะมี “บิ๊กอีเวนต์” สำคัญ นั่นคือกิจกรรม“ลมหายใจของแผ่นดิน” เพื่อเฉลิมพระเกียรติในหลวง ครบ 6 รอบ 72 พรรษา 

งานนี้จัดใหญ่ไฟกระพริบ ทั้งการแสดง มิวสิคัล ประกอบวงออร์เคสตรา และ 3 D Mapping ที่สนามช้างอารีนา จ.บุรีรัมย์

บิ๊กอีเวนต์ ‘ทักษิณ-เนวิน’ ศึกวัดบารมี  ‘สุรินทร์-บุรีรัมย์’ แดงชนน้ำเงิน

 การปรากฎตัวของ “2 ผู้มากบารมี 2 สี” ย่อมเป็นการตอกย้ำถึงการเมือง 2 จังหวัดอีสานใต้ ซึ่งจะเป็นสนามขับเคี่ยวชิงชัยระหว่าง“ค่ายสีแดง” และ “ค่ายสีเงิน” ในระดับต่างๆ หลังจากนี้อย่างแน่นอน

ในส่วนของ จ.บุรีรัมย์ การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา “ค่ายสีน้ำเงิน”ได้สส.เขตยกจังหวัด 10 ที่นั่ง 

แต่จำนวนที่นั่ง สส.กลับสวนทางกับคะแนน “ปาร์ตี้ลิสต์” ที่พบว่าเซาะกราวถูกสีส้มปกคลุมไปถึง 7 เขต ขณะที่สีแดงปกคลุมไป 3 เขต

 เช่นเดียวกับ “สนามเมืองช้าง”ภูมิใจไทย ได้สส.สุรินทร์ 5 คน จากทั้งหมด 8 คน 

แต่เมื่อเช็กผลคะแนน “ปาร์ตี้ลิสต์” กลับพบว่า ถูกสีแดงปกคลุมถึง 7 เขต ขณะที่อีก 1 เขตถูกสีส้มปกคลุม 

สิ่งที่เหมือนกันของ 2 จังหวัดคือ “ภูมิใจไทย”กวาดสส.เขต แต่กลับพ่ายปาร์ตี้ลิสต์ ขณะที่“ค่ายนายห้างสีแดง” ซึ่งมีคะแนน “ปาร์ตี้ลิสต์”ย่อมเห็นถึงช่อง ที่จะคว้าโอกาส พลิกเกมในอนาคต 

น่าสนใจว่า ก่อนหน้านี้ ที่มีการปล่อยข่าว “พรรคเพื่อไทย”จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ สส. มีที่มาจากระบบเขต ทั้งหมด 500 ที่นั่ง โดย“โละทิ้ง”สส.ปาร์ตี้ลิสต์ทั้งหมด หากเทียบกับคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ 2 จังหวัดเป็นตัวอย่าง อาจเป็นคำตอบได้ในระดับหนึ่งว่า ที่สุดแล้วสส.ปาร์ตี้ลิสต์ หรือระบบบัตร 2 ใบ ยังมีความจำเป็นต่อพรรคเพื่อไทยอยู่อีกหรือไม่ 

สัญญาณของ“2 ผู้มากบารมี 2 สี”ที่เกิดขึ้นเวลานี้ นอกจากจะมีผลในแง่ของการทดสอบมวลชน วัดบารมีนายใหญ่ทั้ง 2 สีแล้ว ย่อมหวังผลไปถึงการเมืองในภายภาคหน้าอีกด้วย!