‘ก้าวไกล’ พ่ายเหลี่ยมกฎหมาย? รอดหรือไปต่อ พรรคที่ 3

‘ก้าวไกล’ พ่ายเหลี่ยมกฎหมาย?  รอดหรือไปต่อ พรรคที่ 3

บทสรุปของคดีนี้จะออกมาในรูปแบบไหน คงลุ้นวันที่ 7 ส.ค. “ก้าวไกล” จะรอดแล้วคัมแบ็กกลับมา หรือร่วงแล้วลุยต่อกับ“พรรคที่สาม” ต้องติดตามกัน

KEY

POINTS

  • นับถอยหลังอีกราว 3 สัปดาห์ ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล 7 ส.ค.นี้
  • ที่ผ่านมามีประเด็น “ข้อกฎหมาย” ถกเถียงกันอย่างมากว่าการยื่นคำร้องของ กกต.ดำเนินการถูกต้องหรือไม่
  • ฝ่าย กกต.ยันใช้ช่อง ม.92 มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ แยกขาดจากกันกับ ม.93 ไม่จำเป็นต้องเปิดไต่สวน 
  • “ก้าวไกล” เปิดเอกสารแฉกลับ ตอนแรกตั้งไต่สวน-ให้รวบรวมข้อเท็จจริงแล้ว แต่กลับใช้ “ทางด่วน” ลัดยื่นศาลไปก่อน
  • “ชัยธวัช” มั่นใจมาก จับตา "ก้าวไกล" พ้นบ่วง หรือพ่ายแพ้ แล้วไปต่อ "พรรคที่ 3"

นับถอยหลังอีกราว 3 สัปดาห์ “ศาลรัฐธรรมนูญ” จะนัด “ชี้ชะตา” พรรคก้าวไกล 7 ส.ค. คดีถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยว่า การกระทำของพรรคก้าวไกล กรณีเคยยื่นแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครอง ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) หรือไม่

ถือเป็นครั้งที่ 3 ที่ชะตากรรมของ “พรรคส้ม” อยู่บนเขียง โดยก่อนหน้านี้เคยถูกยื่นยุบพรรคมาแล้ว 2 ครั้งสมัยในชื่อ “พรรคอนาคตใหม่” คือ

1.คดีกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับองค์กรทฤษฎีสมคบคิด “อิลลูมินาติ” แต่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ยกคำร้อง 

2.คดีกล่าวหาว่ารับเงินบริจาคพรรคการเมืองโดยมิชอบ จากกรณี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรค (ขณะนั้น) ปล่อยกู้เงินให้แก่พรรค 192 ล้านบาท สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญข้างมาก 7 ต่อ 2 เสียง “ยุบพรรค” ปิดฉาก “พรรคส้มภาค 1” ก่อนจะก่อกำเนิดภาค 2 อย่าง “ก้าวไกล” ในปัจจุบัน

ประเด็นข้อถกเถียงคดียุบพรรคตอนนี้ ระหว่างฝ่ายผู้ร้องคือ “กกต.” และฝ่ายผู้ถูกร้องคือ “ก้าวไกล” นั่นคือ “ข้อกฎหมาย” ว่า ปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายถูกต้องหรือไม่ เริ่มจาก “ก้าวไกล” โดย “ชัยธวัช ตุลาธน” ยืนยันว่า กกต.เร่งลัดขั้นตอน “ใช้ทางด่วน” ในการยื่น

คำร้องยุบพรรคก้าวไกลถึงศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ในสำนักงาน กกต.มีการเปิดไต่สวนตามมาตรา 93 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองฯ มีการตั้งคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน คณะที่ 6 เพื่อดำเนินการ ทว่าที่ประชุม กกต.กลับไม่ดำเนินการตามนี้ ดันใช้ช่องมาตรา 92 ยื่นคำร้องยุบพรรคไปเลย ที่สำคัญมีการพิจารณาให้ “ร่างคำฟ้อง” ก่อนหน้าที่คณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงฯ ดำเนินการแล้วเสร็จอีกด้วย

ด้าน กกต.โดย “ปกรณ์ มหรรณพ” โต้แย้งว่า การยื่นคำร้องของ กกต.ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย เพราะการยื่นคำร้องดังกล่าวสามารถยื่นแบบ “แยกข้อกฎหมาย” ได้ ซึ่ง กกต.ดำเนินการตามมาตรา 92 โดยยกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 ที่สั่งให้ “ก้าวไกล” ยุติการกระทำอันเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 

คำวินิจฉัยนี้ทำให้ กกต.ไม่อาจจะทำอย่างอื่นได้ เมื่อมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคการเมืองใดกระทำการตามมาตรา 92 แห่งกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง ถือว่า กกต.มีหลักฐานอันควรเชื่อได้แล้ว ถ้าขนาดที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ยังไม่ใช่หลักฐานอันควรเชื่อถือได้ กกต.คงตอบกลับสังคมยาก

โดยข้อโต้แย้งทางกฎหมายนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ ที่รับเรื่องไว้พิจารณาเรื่องที่ 10/2567 ระบุว่า คดีเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 5 และ 8 วรรคหนึ่ง โดยสั่งให้คู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีภายใน 24 ก.ค.นี้ และนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 7 ส.ค. 2567

ในส่วนของคำร้องที่คู่กรณียื่นเข้ามา ซึ่ง “ชัยธวัช” คาดว่าจะมีคำร้องเพิ่มเติม รวมถึงบันทึกถ้อยคำของพยานปากสำคัญคือ “ดร.สุรพล นิติไกรพจน์”ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชน อยู่ในนี้ด้วยนั้น ศาลรัฐธรรมนูญให้รับรวมไว้ในสำนวนคดีเพื่อประกอบการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ในวันฟังคำวินิจฉัยคดีดังกล่าว

นั่นหมายความว่า ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย “เป็นที่ยุติแล้ว” จึงไม่จำเป็นต้องเปิดไต่สวนตามที่พรรคก้าวไกลร้องขอมาหลายครั้ง ส่วนปัญหาเรื่องข้อเท็จจริง ที่มีคำร้องเพิ่มเติมเข้ามา คงต้องรอการพิจารณาในช่วงเช้าวันที่ 7 ส.ค. ก่อนจะลงมติในช่วงเย็นวันเดียวกันนั่นเอง

ที่น่าสนใจ “ก้าวไกล” ดูจะไม่ยี่หระกับคดียุบพรรคในช่วงเวลานี้สักเท่าไหร่นัก ทั้งที่เป็น “คดีใหญ่” และสำคัญอย่างมาก เกี่ยวข้องกับบทบาทพรรคการเมือง “ฝ่ายค้าน” ที่มี สส.มากที่สุดในสภาฯตอนนี้ เพราะ “ชัยธวัช” ให้สัมภาษณ์เมื่อ 17 ก.ค.ในลักษณะ “มั่นใจมาก” ว่าจะรอดพ้นคดีนี้ไปได้ด้วยดี และในวันที่ 8 ส.ค.(หลังศาลมีคำวินิจฉัย) จะเข้ามาสภาฯ เพื่อตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านอีกด้วย

“ไม่ได้กังวลอะไรขนาดนัก แม้จะศาลเห็นว่าจะเหลือแต่ข้อกฎหมาย เรายังมั่นใจว่าการต่อสู้ข้อกฎหมายของเรามีน้ำหนัก ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในดุลพินิจของศาล ผู้ถูกร้องคงก้าวล่วงไม่ได้ เพียงแต่เสียดายโอกาสที่จะทำให้มองในแง่ดีต่อทุกฝ่ายด้วยว่า ถ้าเปิดไต่สวนเพื่อให้คู่กรณีมีการต่อสู้อย่างเต็มที่ คงจะเป็นเรื่องดีต่อการยอมรับคำวินิจฉัย” ชัยธวัช ระบุ

ส่วนเรื่องการเตรียมความพร้อมรับคำวินิจฉัยของศาลนั้น หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ยังไม่ได้เตรียมอะไร เดี๋ยวคงต้องหารือกันในพรรคว่า ในวันที่ 7 ส.ค.จะอย่างไร เตรียมว่าเราจะจัดการอย่างไรในการฟังคำวินิจฉัยซึ่งจะชนกับวันประชุมสภาฯ 

ตอนนี้ยังไม่ได้มีปัญหาภายในอะไรกัน ส่วนใหญ่ที่เตรียมคือ เตรียมทำงานปกติตามแผนที่วางไว้ ขณะนี้ระยะเวลาผ่านมานานแล้ว ทุกอย่างนิ่งหมดแล้ว ตกผลึกหมดแล้ว คือคดีนี้มันมาถึงนี่หลายเดือนแล้ว ทุกอย่างนิ่งหมดแล้วภายในพรรค

"ชัยธวัช" ยังหัวเราะหลายครั้งเมื่อถามถึงกระแสข่าวการยุบพรรคว่า ตอนหลังเขาบอกว่า "น่าจะไม่ยุบแล้วมั้ง เรียนตามตรง เอางี้ ยืนยันว่าทุกอย่างภายในพรรคนิ่งหมด เราบริหารจัดการได้ แต่เรายังเชื่อมั่นว่า แม้ศาลจะวินิจฉัยเฉพาะข้อกฎหมาย เราเชื่อว่าข้อกฎหมายมีน้ำหนัก ถ้าใครได้เห็นเอกสารหลักฐานที่ผมแถลงไปวานนี้ ซึ่งไม่ได้เผยแพร่ ยิ่งมั่นใจ"

อย่างไรก็ดี ถ้าหาก “เกมพลิก” ออกมาเป็นผลลัพธ์เชิงลบ “ก้าวไกล” ก็เตรียมพร้อม “ยานพาหนะ” คันใหม่เอาไว้เรียบร้อยแล้ว 

รวมถึงบรรดา “แกนนำแถว 3” ที่มีการเปิดชื่อเตรียมกันไว้ก่อนหน้านี้ เพราะบรรดากรรมการบริหารพรรคที่จะถูก “ประหารชีวิตทางการเมือง” นั้น นับเฉพาะช่วงที่เกิดพฤติการณ์ ส่วนใหญ่พ้นจากตำแหน่ง สส. และไม่มีบทบาทในพรรคไปนานแล้ว เหลือแค่ไม่กี่คนที่ยังอยู่ เช่น พิธา หรือชัยธวัช เป็นต้น 

ดังนั้น บทสรุปของคดีนี้จะออกมาในรูปแบบไหน คงลุ้นวันที่ 7 ส.ค. “ก้าวไกล” จะรอดแล้วคัมแบ็กกลับมา หรือร่วงแล้วลุยต่อกับ“พรรคที่สาม” ต้องติดตามกัน