ปมยุบ 'ก้าวไกล' - ชะตา ‘เศรษฐา’ สัญญาณพรรคร่วมขี่ ‘เพื่อไทย’

ปมยุบ 'ก้าวไกล' - ชะตา ‘เศรษฐา’ สัญญาณพรรคร่วมขี่ ‘เพื่อไทย’

การเมืองเข้าสู่ช่วงชิงไหวชิงพริบ ปมยุบพรรคก้าวไกล มีโอกาสเกิดงูเห่าสีส้ม เปิดทางให้ "ตาอยู่" มองเห็นโอกาส ก่อนจะถึงวันชี้ชะตา "เศรษฐา" ย่อมมีความเคลื่อนไหวออกมาให้เห็น

KEY

POINTS

  • เดือน ส.ค. ชี้ชะตา พรรคก้าวไกล จะถูกยุบพรรคหรือไม่ ต่อด้วยพิพากษา "เศรษฐา ทวีสิน" ปมคุณสมบัติรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้ง "พิชิต ชื่นบาน"
  • ช่วงเวลาก่อนตัดสินสองคดีดังกล่าว ต้องอ่านใจ "ตาอยู่" จะปฏิบัติการพิเศษ สานฝันตัวเองให้ถึงฝัน นั่งเก้าอี้นายกฯหรือไม่
  • ขณะเดียวกันเป็นห้วงเวลาของ "พรรคร่วมรัฐบาล" ที่จะมีแรงต่อรองทางการเมืองมากเป็นพิเศษ เนื่องจาก "นายใหญ่-เพื่อไทย" ต้องการให้รัฐบาลมีเสถียรภาพทางการเมือง

โอกาสสุดท้ายของ “ตาอยู่” ที่จะทุ่มทุกสรรพกำลัง สานฝันให้ตัวเองนั่งเก้าอี้นายกฯ แม้ความหวังจะริบหรี่ เพราะสมการทางการเมืองไม่เอื้ออำนวย ตัวเลข สส. ในสภาฯ ดีดลูกคิดอย่างไรก็ยากจะพลิกฟ้าคว้าดาว

ตามไทม์ไลน์การเมือง วันที่ 7 ส.ค. “ศาลรัฐธรรมนูญ” นัดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ปมล้มล้างการปกครอง โดยไม่เปิดไต่สวนพยานเพิ่มเติม ทำให้ “ขุนพลสีส้ม” พลิกตำราตั้งรับแทบไม่ทัน

เนื่องจาก “ก้าวไกล” พยายามยื้อเวลา ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเปิดไต่สวน เพราะจะได้ต่ออายุไขพรรคให้นานที่สุด อีกด้านหนึ่งจะได้บันทึกข้อโต้แย้งของ “กกต.” เจ้าของคำร้องยุบพรรคก้าวไกล ว่ามีจุดแข็ง-จุดอ่อนในด้านใด เพื่อต่อยอดสร้างแต้มส่งต่อพรรคสาขา 3

ขณะเดียวกัน คาดว่าคดีคุณสมบัติรัฐมนตรีของ “เศรษฐา ทวีสิน” กรณีแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาหลักฐานเพิ่มเติม

คาดการณ์ไทม์ไลน์ศาลรัฐธรรมนูญน่าจะอ่านคำวินิจฉัยหลังคดียุบพรรคก้าวไกลไม่เกิน 1-2 สัปดาห์

ทั้งสองคดีจึงเป็นแรงส่งทำให้การเมืองกลับมาร้อนแรง เพราะมี “ตาอยู่” แอบฝันหวังฮุบเก้าอี้นายกฯ โดยเฉพาะ “คนบ้านป่า” แม้บางจังหวะเจ้าตัวขออยู่นิ่ง แต่บรรดา “ลูกน้อง” ข้างกาย สมุนซ้ายขวา วาดแผนสู่ฝัน ทำให้ “ลุงบ้านป่า” กลับมามีความหวัง

ว่ากันว่า มีลูกน้อง “อดีต สว.” ผนึกกำลังกับ “ฝ่ายเสธ.” ปั้นสูตรนับจำนวน“งูเห่าสีส้ม” หากพรรคก้าวไกลโดนคำสั่งยุบพรรคจาก 148 สส.สีส้ม มีความหวังจะกลายร่างเป็นงูเห่าสีส้ม เพียง 30-40 สส. เท่านั้น ซึ่งยังห่างไกลจากยอดที่ต้องการ

เนื่องจากจำนวน สส.เพื่อไทย 142 ที่นั่ง ยังมั่นคงอยู่กับพรรค เป็นเสาค้ำยันไม่ให้ “ตาอยู่” คิดจะพลิกขั้ว ดังนั้นแผนซื้อ สส.งูเห่าสีส้ม จึงต้องม้วนเสื่อกลับบ้าน แถมบรรดา “พรรคร่วมรัฐบาล” ไม่เอาด้วยกับ “ตาอยู่” ยิ่งทำให้การพลิกขั้วแทบปิดประตู

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 1-2 เดือนนี้ จะมีแรงต่อรองทางการเมืองจาก “พรรคร่วมรัฐบาล” ออกมาให้เห็นชัดเจนขึ้น เพราะคดียุบพรรคก้าวไกล-คุณสมบัติ “เศรษฐา” แม้คำนวณสมการแล้วโอกาสพลิกขั้วมีน้อย

แต่หากจับพลัดจับผลู “เศรษฐา” หมดวาสนา ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี การเมืองจะเปิดโต๊ะดีล เริ่มการจับขั้วใหม่ทันที

ทว่าการเดินทางไปถึงวันพิพากษา “เศรษฐา” พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จำเป็นต้องเพลย์เซฟ ยอมถอยออกมาหนึ่งก้าว เพื่อรับฟังข้อต่อรองของ “พรรคร่วมรัฐบาล” เช่นเดียวกับ “พรรคร่วมรัฐบาล” อาจจะอาศัยจังหวะรุก เพื่อต่อรองทันที

โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย แรงเคลื่อนของพรรคอันดับสองย่อมส่งผลสั่นสะเทือน เพราะจู่ๆ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาเขย่าขา “เศรษฐา” คำรามแรงๆ “ภูมิใจไทย” ไม่สบายใจ หากนำ “กัญชา” กลับเข้าสู่บัญชียาเสพติด

“ผมชี้แจงต่อนายกฯ และท่านภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ ว่าพรรคภูมิใจไทยไม่สบายใจตรงไหนบ้าง ยังมีข้อมูลและการศึกษาอีกเยอะ ก่อนจะตัดสินใจนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด” อนุทิน ระบุ

“อนุทิน” ยังย้ำด้วยว่า ในฐานะรมว.มหาดไทย ต้องเข้าไปลงมติในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ขอสงวนสิทธิด้วยการโหวตไม่เห็นด้วย

จังหวะก้าวทางการเมืองของ “อนุทิน” ถูกวางเป็นขั้นตอน การออกมาขย่ม “เพื่อไทย” ผ่าน “เศรษฐา-ภูมิธรรม” ในช่วงการเมืองเริ่มเข้าด้ายเข้าเข็ม แถมเต็มไปด้วยข่าวปล่อย “ตาอยู่” จะปฏิบัติการพลิกขั้ว วาดภาพให้ “นายใหญ่” หวาดระแวง เพิ่มมูลค่า “ภูมิใจไทย” ได้อย่างดี

หลังจากนี้ ต้องจับตาคิวของ “พรรคร่วมรัฐบาล” นอกจาก “ภูมิใจไทย” แล้ว “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกฯ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งมีเงื่อนไขบางประการ อยากยื่นหมูยื่นแมวกับ “เพื่อไทย” ในจังหวะที่ต้องการหลักประกันความมั่นคง

โหมดการเมืองเข้าสู่ช่วงชิงไหวชิงพริบ ข้อมูล-ข่าวจริง-ข่าวลวง สะพัดอยู่ในหลายวงโคจร ต้องวัดใจ “นายใหญ่-เพื่อไทย” จะยอมให้ “พรรคร่วมรัฐบาล” ขี่คอได้มากน้อยเพียงใด