‘ชูศักดิ์’ ย้ำ ’นิรโทษกรรม‘ ม.110-ม.112 อ่อนไหว ต้องเสนอความเห็นรอบด้าน

‘ชูศักดิ์’ ย้ำ ’นิรโทษกรรม‘  ม.110-ม.112 อ่อนไหว ต้องเสนอความเห็นรอบด้าน

"ชูศักดิ์" ย้ำ "กมธ.นิรโทษกรรม" เสนอความเห็นทุกฝ่าย เพื่อให้ข้อมูลครอบคลุมรอบด้าน-เป็นประโยชน์ในการพิจารณายกร่างกม.

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.ฯ ว่า ย้ำว่ากมธ.ได้ยกร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่ทำหน้าที่เพียงศึกษาหาแนวทางการยกร่างกฎหมาย เราจึงมีความเห็นร่วมกันว่าการศึกษาควรครอบคลุมทุกเรื่องและทุกความเห็นของทุกฝ่ายเพื่อให้ผลการศึกษานั้นครอบคลุมกว้างขวางมากที่สุด โดยไม่จำกัดหรือต้องมาโหวตกันว่าใครชนะ ใครแพ้ เนื่องจากเรามีความเห็นร่วมกันว่าเมื่อศึกษาแล้วก็ควรจะนำเสนอความคิดทุกฝ่ายทั้งฝ่ายเห็นด้วยฝ่ายไม่เห็นด้วย 

ข้อสรุปที่แถลงไปเมื่อวานนี้ (18 กรกฎาคม) คือเราเห็นด้วยที่ควรจะให้มีการนิรโทษกรรมความผิดที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองเป็นหลัก ตั้งแต่เหตุการณ์ทความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา โดยเห็นว่าความผิดต่อชีวิตที่มีลักษณะละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง เป็นการประทุษร้ายต่อชีวิตมนุษย์ไม่ควรให้มีการนิรโทษกรรม 

นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่ความผิดประเภทที่มีความอ่อนไหวทางการเมืองได้แก่ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 และมาตรา 112 ในส่วนนี้กมธ.เห็นว่า ควรจะเสนอความเห็นทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย และฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย โดยฝ่ายที่เห็นด้วยหรือฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยนั้น สามารถแสดงความเห็นของกมธ.เป็นรายบุคคลได้ เพื่อให้ปรากฏในรายงาน เพียงแต่ไม่ได้นำมาเป็นข้อยุติโหวตกันว่าใครชนะหรือใครแพ้ 

นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องมาตรา 110 และมาตรา 112 นอกจากจะมีความเห็นว่าไม่ควรมีการนิรโทษกรรมและควรมีการนิรโทษกรรมแล้ว ยังมีความเห็นอีกส่วนหนึ่ง ที่เห็นว่าอาจจะใช้มาตรการอื่นๆ ที่ได้จากการศึกษา เช่น การนิรโทษกรรมโดยมีเงื่อนไข โดยให้กมธ.นิรโทษกรรมที่ตั้งขึ้นเป็นผู้พิจารณา ซึ่งตนมองว่าควรจะส่งความเห็นเหล่านี้ไปทั้งหมด เพราะเมื่อเราศึกษาแล้วก็ควรจะศึกษาให้ครอบคลุมทุกด้านเพื่อให้สภาฯ ได้เห็นเหตุและเห็นผลในทุกมิติ ทุกความเห็นเพื่อประโยชน์ของการยกร่างกฎหมายในโอกาสต่อไป ทั้งนี้ ย้ำว่า กมธ.เห็นว่าจะสามารถทำรายงานเสนอต่อสภาฯ ได้ทันภายในสิ้นเดือนกรกฏาคมนี้ โดยไม่ต้องขยายเวลาอีก