สแกน ‘ทักษิณ’ สายล่อฟ้า

สแกน ‘ทักษิณ’ สายล่อฟ้า

คาดว่า “ทักษิณ” จะหยุดทำกิจกรรมการเมืองไปจนถึงวันที่ 22 ส.ค. ซึ่งเป็นวันพ้นโทษ ท่ามกลางการจับตามอง การเข้ารับตำแหน่งสำคัญของรัฐบาล จะส่งผลให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองมากน้อยเพียงใด

KEY

POINTS

  • การเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ชินวัตร สร้างแรงกระเพื่อมและเงื่อนไขความเห็นต่างในสังคมทุกครั้ง
  • ข่าวกรองจัดแฟ้ม Lone Wolf รปภ.ผู้นำ แม้โอกาสเกิดในไทยมีน้อย แต่ไม่ควรประมาท

แม้ “หน่วยงานความมั่นคงไทย” ยังรอฟังผลการสอบสวนของสหรัฐ ต่อกรณีลอบสังหาร โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อวิเคราะห์ประมวลผล เสริมระบบการรักษาความปลอดภัยภายในประเทศเข้มข้นขึ้น ทั้งการดูแลบุคคลวีไอพี สถานที่สำคัญ พื้นที่สาธารณะ

แต่ยอมรับว่า ปฏิบัติการ Lone Wolf หรือ“กลุ่มหน้าขาว” ยากต่อการรับมือเนื่องจากในระบบข่าวกรองไร้ประวัติฐานข้อมูล ประวัติอาชญากร ทำให้เกิดความยากลำบากในงานด้านการข่าว สืบหาข้อมูลล่วงหน้า

ปัจจุบันนี้ทำได้เพียงเกาะติดความเคลื่อนไหวผ่านโซเชียลมีเดีย การโพสต์ข้อความในทำนองรุนแรงดุดัน พุ่งเป้าไปยังกลุ่มแสดงความเห็นการเมือง กลุ่มเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ ความเท่าเทียม มาทำเป็นประวัติ ติดตามความเคลื่อนไหว และจัดในกลุ่มเสี่ยง นำเข้าระบบข่าวกรอง

หน่วยงานความมั่นคงวิเคราะห์พฤติกรรมกลุ่มโลนวูฟ ชอบเสพสื่อเป็นกิจวัตรประจําวันผู้นำการเมือง เช่น การบรรยาย การให้สัมภาษณ์ คำปราศรัย ตามสถานที่ต่างๆ และคำพูดนั้นไปขัดกับแนวความคิด อุดมการณ์ทางการเมือง หรือไปกระตุกต่อม โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน

ส่วนผู้นำ อดีตผู้นำ ที่ตกเป็นเป้าหมายกลุ่มโลนวูฟ คือ คนมีบุคลิกเชิงท้าทาย ใช้คำพูดแรงๆ ไปกระตุ้นทำให้เกิดความคิดเห็นขัดแย้งรุนแรงขึ้น การพูดย้ำในประเด็นเดิมๆ จะทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม หน่วยงานความมั่นคงมีมาตรการดูแลผู้นำ อดีตผู้นำ คณะรัฐมนตรี หรือบุคคลสำคัญของประเทศ เพราะถูกจัดอยู่ในหมวดความมั่นคง หากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจะกระทบภาพรวมของประเทศ

โดยสามารถร้องขอการรักษาความปลอดภัยผ่าน 2 ช่องทาง หากเป็นทหาร ผ่านกระทรวงกลาโหม พร้อมแจงเหตุผลและความจำเป็น เช่นเดียวกับตำรวจ ต้องผ่านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนกรณีอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ใช้บริการเจ้าหน้าที่ตำรวจ และว่าจ้างทีมบอดี้การ์ด

สอดคล้องกับ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มองว่า โอกาสที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยยังมีน้อย แม้ว่าที่ผ่านมา จะเกิดขึ้นจริงแต่เป็นลักษณะ เป็นความคับแค้นใจ ปัญหาส่วนตัวที่เกี่ยวพันกับองค์กรที่ตัวเองทำงานอยู่ แต่ไม่ได้เกิดจากความเชื่อทางการเมือง แต่ของต่างประเทศที่มีความเป็นประชาธิปไตยสูง มีความหลากหลายชาติพันธุ์แบบสหรัฐ ก็สุ่มเสี่ยงมากกว่าประเทศไทย

ลักษณะการปฏิบัติการแบบ Lone Wolf ไม่มีประวัติอาชญากร คิดคนเดียว วางแผนคนเดียว จัดหาอาวุธเอง ไม่มีใครเชื่อมโยง แบบที่เกิดขึ้นกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบแรงจูงใจ ของผู้ก่อเหตุซึ่งทราบว่าอายุไม่มากนัก แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้ก็คือไม่ชอบความสุดโต่ง ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ มีบุคลิกเป็นเช่นนั้น จึงเหมือนไปตรงจุด

พล.ท.ภราดร ยังมองว่า โอกาสเกิดขึ้นในประเทศไทยมีน้อย เพราะสองเหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นความคับแค้นใจ ไม่พอใจภายในองค์กรตัวเอง นำอาวุธมากระทำต่อประชาชน ส่วนอีกกรณีเด็กอายุ 14 ปี เกิดจากการเสพสื่อ กลุ่มเพื่อน ยังไม่พบมีแรงจูงใจทางการเมือง

แต่ยอมรับว่า คุณทักษิณมีบุคลิกบางอย่างคล้าย ทรัมป์ เช่น ใช้คำพูดรุนแรง การท้าทาย ไปจี้จุดคนบางกลุ่ม ก็เห็นด้วยว่าไม่ควรประมาท แม้โอกาสเกิดน้อยก็ตาม เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยโดนลอบสังหารมาแล้วตั้งแต่ตอนเป็นนายกฯ แต่กรณีนั้นไม่ใช่โลนวูฟ แต่เป็นกลุ่มมีแนวความคิดขัดแย้งทางการเมือง และในปัจจุบันนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น เพราะคุณทักษิณขณะนี้เปรียบเสมือนผู้นำจิตวิญญาณ และถูกมองว่ามีแนวโน้มครอบงำรัฐบาล

อีกทั้งการเคลื่อนไหวของคุณทักษิณ ทำให้เกิด แรงกระเพื่อมในสังคม เช่น อภิสิทธิ์ชน และวันที่ 22 สิงหาคม ก็จะพ้นโทษ ทีมรักษาความปลอดภัยของคุณทักษิณต้องมีความระมัดระวังอย่างสูง ในขณะนี้ที่การเมืองมีข้อเห็นต่างจำนวนมาก รวมถึงคดียุบพรรคก้าวไกล ถือเป็นประเด็นปัญหา ซึ่งจะไปสร้างเงื่อนไขความไม่พึงพอใจทางการเมืองพอสมควร

“บุคลิกคุณทักษิณชอบพูดท้าทาย ในขณะที่ในโซเชียลมีเดีย ปั่นกระแส คนเลวต้องถูกกำจัดอย่างเดียว อันนี้เป็นปัจจัยที่ต้องพิจารณา โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำทางกระบวนการยุติธรรม คนบางกลุ่มรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม เป็นเรื่องน่ากลัว คุณทักษิณกลับมาไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว คดี ม.112 ได้รับการประกันตัวในทันที แต่ยังมีเยาวชนหลายคนโดนคดีเดียวกัน ไม่ได้รับการประกันตัว”

“เชื่อมโยงไปกรณี คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่มีกระแสข่าวจะเดินทางกลับมาภายในเดือนตุลาคมนี้ ก็ไปสอดคล้องกับที่คุณทักษิณพูดมาก่อนหน้านี้ และหากมีความเป็นจริง ก็จะกลายเป็นเงื่อนไขอีกเช่นกัน”

”ในทางปฏิบัติคุณทักษิณ ต้องโลว์โปรไฟล์ งดการลงพื้นที่ การปราศรัย หลีกเลี่ยงสถานที่ ร่วมกิจกรรมเป็นการรวมตัวของฝูงชน แต่คาแรคเตอร์ของท่านเป็นคนท้าทาย จะเป็นปัญหา และต่อให้ทีมรักษาความปลอดภัยเข้มแข็งเพียงใด หากก่อเหตุแบบโลนวูฟ ก็ดูแลยากมาก เพราะไม่สามารถพิสูจน์ทราบล่วงหน้า ไม่มีข้อมูล ไม่มีประวัติอะไรเลย" พล.ท.ภราดร กล่าว

สำหรับ “ทักษิณ ชินวัตร” ยังไม่มีกำหนดการลงพื้นที่ร่วมกิจกรรมใดในระยะนี้ หลังล่าสุดเดินทางเป็นประธานอุปถัมภ์ โครงการบรรพชา-อุปสมบท ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา จ.สุรินทร์ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา

ส่วนวันครบรอบวันเกิดครบ 75 ปี 26 ก.ค.ของ “ทักษิณ” เป็นการจัดเลี้ยงภายในครอบครัวชินวัตร และคาดว่าจะหยุดทำกิจกรรมไปจนถึงวันที่ 22 ส.ค. ซึ่งเป็นวันพ้นโทษ ท่ามกลางการจับตามอง การเข้ารับตำแหน่งสำคัญของรัฐบาล จะส่งผลให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองมากน้อยเพียงใด