'อดีตสว.' ส่งจดหมายเปิดผนึก ทวง 'กกต.' สอย สว. 7 ประเด็น

'อดีตสว.' ส่งจดหมายเปิดผนึก ทวง 'กกต.' สอย สว. 7 ประเด็น

"สมชาย" ส่งจดหมายเปิดผนึก ถึง "กกต." ทวงถาม 7 ประเด็น สอย สว.กลุ่ม18 สื่อมวลชน ชี้ต้องตรวจสอบตั้งแต่สมัครระดับอำเภอ สงสัยถือหุ้น-เป็นเจ้าของกิจการสื่อฯ

นายสมชาย แสวงการ อดีตสว. และอดีตประธานกรรมาธิการ (กมธ.)สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ออกจดหมายเปิดผนึกถึง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ของสว.กลุ่ม18 สื่อสารมวลชน และสว.กลุ่มต่างๆทั้ง20กลุ่ม โดยตรวจสอบซ้ำใหม่ทั้งหมด แทนการตรวจสอบเพียงบางรายด้วยเหตุมีข้อสงสัยว่า สมาชิกบางรายอาจมีปัญหาคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ขัดต่อรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ดังนี้

1.เป็นบุคคลต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา98(3) กรณีเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ  หรือไม่ ซึ่งกรณีดังกล่าวต้องตรวจสอบความเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นสื่อมวลชนใดๆของผู้สมัครทุกคนตั้งแต่วันสมัคร ไม่ใช่วันที่ได้รับเลือกหรือวันที่ยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) เพราะเป็นคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามสำคัญของผู้สมัครตามรัฐธรรมนูญ2560 และตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ผูกพันทุกองค์กร

2.เป็นบุคคลต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา98(7)เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้รับโทษมายังไม่ถึง10ปีนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ หรือไม่ 

"กรณีนี้เท่าที่ทราบมีคดีที่ต้องตรวจสอบอย่างน้อย2คดี หรือมากกว่า เช่นคดีทำร้ายร่างกาย หรือจ้างวานฆ่า เป็นต้น ว่าคดีต่างๆนั้นมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วหรือไม่อย่างไร หรือเข้าข่ายต้องห้ามสมัครรับเลือกด้วยหรือไม่" นายสมชาย ระบุ

3.เป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา108 (3)มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์หรือทำงานในด้านที่สมัครไม่น้อยกว่า10ปี หรือไม่  โดยกรณีนี้เจตนารมณ์และความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบชัดเจนว่า ต้องเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านที่สมัครไม่น้อยกว่า10ปี ไม่ใช่แค่มีผู้รับรองเท่านั้น แต่กกต.ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและหลักฐานอื่นประกอบเพื่อยืนยันประสบการณ์ดังกล่าวจริงไม่ต่ำกว่า10ปี ซึ่งอาจพบการรับรองเท็จจำนวนมากในหลายกลุ่ม อาทิ กลุ่มประชาสังคม กลุ่มผู้ประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม กลุ่มผู้ประกอบกิจการอื่น กลุ่มศิลปะวัฒนธรรม บันเทิง กีฬา กลุ่มสื่อมวลชน เป็นต้น 

4.เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา108 (5)เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง เว้นแต่ได้พ้นจากการดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองมาแล้วไม่น้อยกว่า 5ปีนับถึงวันสมัครรับเลือกหรือไม่

5. กระทำการผิดพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว. มาตรา 77(4) หลอกลวง หรือจูงใจให้บุคลลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณ ผู้กระทำผิดมีโทษจำคุกตั้งแต่1ถึง10ปี ซึ่งนักวิชาการ สื่อมวลชน และสื่อสังคมออนไลน์ติดตามตรวจสอบจนได้ข้อพิจารณาหลายประการแล้ว กรณีดังกล่าว กกต.จะดำเนินการตรวจสอบเสร็จสิ้นและส่งศาลเพื่อดำเนินคดีเมื่อใด 

6.กระทำการผิดพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา มาตรา 62 เมื่อกกต. ประกาศผลการเลือกแล้ว มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า
 ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอันเป็นการทุจริตหรือรู้เห็นกับการกระทำของบุคคลอื่น  อันทำให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ให้กกตยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อให้เพิกถอนสิทธิรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น กรณีนี้กกต.ได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่ปรากฎด้วยหรือไม่ 

"มีปรากฎข้อสงสัยจากการผู้สมัครสว.ที่เป็นสื่อมวลชน กลุ่ม18 ที่ได้จดการขานนับคะแนนกลุ่มดังกล่าวในรอบเลือกตรงวันที่26มิ.ย.2567 พบข้อพิรุธการจัดตั้งคะแนนบล็อกโหวต อาจเข้าข่ายการกระทำการอันเป็นการทุจริตทำให้การเลือกไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งกกต.มีหน้าที่และอำนาจตรวจสอบ ตามที่ผู้สมัครกลุ่มสื่อมวลชนดังกล่าวยื่นเรื่องร้องเรียนต่อกกต.แล้ว และกกต.มีรายชื่อและหมายเลขผู้สมัครกลุ่ม18 ทุกคนเรียงตามลำดับ1-146 ซึ่งสามารถตรวจสอบผลการลงคะแนนแบบเดียวกัน จากบัตรลงคะแนนบล็อกโหวตดังกล่าวได้ หากตรวจสอบแล้วพบว่ากระทำผิดจริง ให้กกตยื่นศาลฎีกาเพื่อดำเนินการต่อไป

7.กระทำการผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา มาตรา63 หากความปรากฎว่า สว.ผู้ใดขาดคุณสมบัติตามมาตรา13และมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา14 ให้ กกต. ส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยโดยไม่ชักช้า กรณีนี้อาจมีผู้เข้าข่ายจำนวนมากที่กกต.ต้องเร่งตรวจสอบและเร่งส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะกกต.เคยประกาศความเชื่อมั่นต่อสังคมในการทำหน้าที่ว่า กกต.ได้ทำหน้าที่ให้การเลือกครั้งนี้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และใช้อำนาจตามกฎหมายในการรับรองไปก่อนสอยทีหลัง

นายสมชาย ให้สัมภาษณ์ด้วยว่าข้อมูลที่มีนั้นเป็นข้อมูลเก่า หาก กกต.ตรวจตั้งแต่ระดับอำเภอจะเจอตั้งแต่เรื่องหุ้นสื่อมวลชน หรือเป็นเจ้าของสื่อมวลชนหรือไม่ ขายกิจการหรือไม่ ซึ่งต้องตรวจสอบคนอื่นๆ ที่สมัครกลุ่มสื่อมวลชนด้วย นอกจากนั้นที่ กกต. ระบุว่าจะมีการให้ใบส้มสว. 80 คนนั้นอยู่ไหน อยู่ใน 200 สว.หรือไม่ หากอยู่ กกต. ถือว่าปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ เพราะใบส้ม กกต.รับรองไม่ได้ ดังนั้น กกต.ตอบมา 

"ก่อนหน้านี้ กกต. ให้ใบส้ม นางคอดียะห์ ทรงงาม  สว.กลุ่มสื่อมวลชน เพราะมีตำแหน่งที่ปรึกษานายก อบจ. แต่มีกรณีที่พบว่า สว.ปัจจุบันบางคนเคยดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการพรรคคลองไทยมาด้วย กกต.จะดำเนินการอย่างไร ขอให้ชี้แจงด้วย"นายสมชาย กล่าว.