‘เศรษฐา’ มอบ บ้าน-สัญญาเช่าที่ราชพัสดุ ให้ ปชช. ตามโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต
นายกฯ มอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุและมอบบ้านตามโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ
ที่หอประชุมมรุกขนคร โรงเรียนนครพนมวิทยาคม ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุและมอบบ้านตามโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต ที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ผู้ช่วยผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ รองอธิบดีกรมธนารักษ์หัวหน้าส่วนราชการ ผู้เช่าที่ราชพัสดุ เข้าร่วม
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี มอบสัญญาเช่าฯ ให้กับผู้เช่าที่ราชพัสดุแก่ผู้สูงอายุและผู้นั่งรถเข็น พร้อมกับกล่าวพบปะกับผู้เช่าที่ราชพัสดุ และประชาชนที่มาให้การต้อนรับตอนหนึ่งว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในพิธีมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุในความครอบครองของกระทรวงกลาโหม ตามโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต ที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567
นายกฯ กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลได้น้อมนำพระราชดำริ พระราชปณิธาน และพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทย มาดำเนินโครงการด้านต่างๆ ทั้งด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และสุขภาพอนามัย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนให้อยู่ดีมีสุข ทั้งยังเป็นการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลที่มีเป้าหมายให้ พี่น้องประชาชนมีสิทธิในที่ดินทำกิน ซึ่งเป็นการขยายโอกาสในการประกอบอาชีพ และสร้างความมั่นคงในชีวิต
นายกฯ กล่าวขอขอบคุณกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กองทัพอากาศ และกรมธนารักษ์ ที่ร่วมมือร่วมใจดำเนินงานขับเคลื่อนให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ซึ่งจะทำให้พี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้รับสิทธิสามารถนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ในการทำมาหาเลี้ยงชีพเพื่อสร้างรายได้แก่ตนเองและครอบครัว
นายกฯ กล่าวว่า เรื่องที่ดินทำกิน เป็นเรื่องสำคัญ ทางกองทัพและกับกรมธนารักษ์ไม่ใช่หาที่ดินให้ประชาชนเพียงอย่างเดียว เรื่องของชลประทานเป็นเรื่องที่ประชาชนมีความต้องการ ทุกกองทัพจะเข้าไปดำเนินการหลังจากที่ประชาชนได้เข้าไปอยู่ในที่ดินดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของรัฐบาลที่พยายามขยายตลาดสินค้าเกษตรทำให้ราคาพืชผลดี แต่หากไม่มีที่ดินทำการเกษตร ราคาพืชผลดี ตลาดดีก็ไม่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้นที่ดินทำกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดินจำนวน 72,000 ไร่ ตามโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นโครงการที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง ขอขอบคุณทุกภาคส่วน ที่มีส่วนร่วมในการทำให้พี่น้องประชาชนมีที่ทำกิน อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี มีรายได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลจะขับเคลื่อนการดำเนินงานต่อไป ด้วยการบูรณาการกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินในการทำมาหากินได้อย่างแท้จริง” นายกฯ ให้คำมั่นสัญญา
จากนั้น นายกฯ พร้อมคณะเดินทางไปยังสถานที่ดำเนินโครงการซ่อมบ้านผู้พิการ ผู้ยากไร้ โดยนายกรัฐมนตรีจะมอบป้ายบ้านให้กับผู้ร่วมในโครงการซ่อมบ้านผู้พิการผู้ยากไร้ ต่อไป