'บิ๊กโจ๊ก'ลุ้นต่อ 'ก.พ.ค.ตร.' ยังไม่ชี้ขาด บอกไม่รู้ มติ 6:0 จริงหรือไม่
ก.พ.ค.ตร ยังไม่มีข้อสรุปผลมติคำสั่งให้ “บิ๊กโจ๊ก” ให้ออกจากราชการไว้ก่อน รอสรุปชัดเจนภายในสัปดาห์หน้า ส่วนข่าว มติ 6:0 ไม่รู้จริงหรือไม่
วันที่1ส.ค2567 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ท.อนุชา รมยะนันทน์ ผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน กรณีที่วันนี้ทาง ก.พ.ค.ตร. ประชุมพิจารณา เรื่องคำสั่งให้ 'บิ๊กโจ๊ก'พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ออกจากราชการไว้ก่อนว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยพล.ต.ท.อนุชา กล่าวว่า
หลังจากเมื่อ วันอังคารที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ และ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร เข้าชี้แจง ต่อคณะกรรมการจนถึง 19:00 น. ก่อนมาพิจารณาต่อในวันนี้
จากที่สอบถามทางที่ประชุม พบว่ามีเอกสารที่ใช้ประกอบการพิจารณารวมเป็น 1,000 แผ่น รวมเอกสารที่ยื่นมาเพิ่มเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา คณะกรรมการจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบ ซึ่งใช้ระยะเวลาพอสมควร ไม่แล้วเสร็จในวันนี้อย่างแน่นอน โดยระหว่างวันนี้เป็นต้นไปคณะกรรมการจะทำงานอย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าผลการพิจารณาจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้าแน่นอน
พล.ต.ท.อนุชา กล่าวต่อว่าตามกระบวนการแล้ว เมื่อคณะกรรมการพิจารณาและมีมติชี้ชัดว่า คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ก็จะนำไปสู่การทำคำวินิจฉัย ซึ่งตามระเบียบแล้วจะต้องแจ้งให้กับคู่กรณีทั้งสองฝ่ายรับทราบผล แล้วถึงจะเปิดเผยได้ ซึ่งตามอำนาจหน้าที่ทางคณะกรรมการไม่สามารถแถลงผลกับสื่อมวลชนให้ทราบได้ก่อน
ส่วนเมื่อวานนี้ที่มีกระแสข่าวเรื่องมติ 6:0 เห็นว่าคำสั่งดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายแล้วนั้น กรณีนี้พล.ต.ท. อนุชา กล่าวต่อว่า การประชุมของคณะกรรมการเป็นการประชุมลับ ความชัดเจนทั้งหมดอยู่ที่คณะกรรมการ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีมติอะไรออกมาคาดว่าเป็นแค่การนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนหรือบุคคลที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน
"โดยส่วนตัวตอบไม่ได้ว่ามติดังกล่าวจริงหรือไม่เพราะไม่ได้อยู่ในชุดคณะกรรมการพิจารณา แต่ยืนยันว่าคณะกรรมการไม่ได้มีความกดดันหลังจากเห็นกระแสข่าวเรื่องมติ ตอนนี้ก็ยังเห็นประชุมกันตามปกติ"พล.ต.ท.อนุชา กล่าว
เมื่อถามว่าหากผลการพิจารณาพบว่าคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ในฐานะผู้เซ็นคำสั่งจะต้องรับผิดชอบอย่างไรหรือไม่ พล.ต.ท. อนุชา กล่าวตอบว่า ทางปกครองหากคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ต้องเพิกถอนหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ส่วนเรื่องความรับผิดชอบอื่นๆ ว่าผู้ที่เซ็นคำสั่งจะเข้าข่ายความผิดคดีอาญาหรือไม่อย่างไรก็ต้องตรวจสอบต่อไป
เมื่อถามว่าหลังจากมีการหลักพิจารณาเรื่องนี้แล้วเสร็จ จะต้องส่งต่อให้ทางสำนักนายกรัฐมนตรี หรือไม่ พล.ต.ท. อนุชา กล่าวตอบว่า ขึ้นอยู่กับทางหน่วยงานราชการต่างๆว่ามีเอกสารขอผลการพิจารณาเข้ามายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ เช่นเดียวกับเรื่องคำวินิจฉัย หากเป็นที่สิ้นสุด พบว่าคำสั่งชอบด้วยกฎหมาย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สามารถนำไปทูลเกล้าฯ ได้เลยหรือไม่นั่น ก็อยู่ที่การพิจารณาของหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ซึ่งหากท้ายที่สุดคำสั่งชอบด้วยกฎหมายก็ถือว่าคำอุทธรณ์ของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ฟังไม่ขึ้น แต่อย่างไรก็ตามหากมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็สามารถใช้สิทธิ์ทางศาลต่อได้
ส่วนกรณีที่หาก มติการพิจารณาของคณะกรรมการเสียงเท่ากันคำสั่งระหว่างชอบด้วยกฎหมายและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทางประธานคณะกรรมการก็ต้องออกเสียงเพิ่มอีกหนึ่งเสียง แต่ยืนยันว่าคณะกรรมการจะพิจารณาอย่างถูกต้องไม่มีการแทรกแซง เพราะผู้พิจารณาเป็นข้าราชการระดับสูงและผู้ทรงคุณวุฒิทั้งสิ้น