เก้าอี้ ‘มทภ.2’ เดิมพัน ‘สมรภูมิอีสาน’

เก้าอี้ ‘มทภ.2’ เดิมพัน ‘สมรภูมิอีสาน’

“ทักษิณ”เรตติ้งตก ไม่ฟีเวอร์เหมือนในอดีต หลังเสียพื้นที่เมืองหลวงและปริมณฑล รวมถึงภาคตะวันออกให้พรรคคู่แข่ง ภาคอีสาน ฐานที่มั่นสุดท้ายพื้นที่นำร่องพลิกฟื้นของ "เพื่อไทย"

KEY

POINTS

  • ทักษิณ เตรียมทวงคืนพื้นที่อีสานจากพรรคร่วมรัฐบาล หลังเลือกตั้งปี 2566 กวาดเก้าอี้ สส.ได้ 73 ที่นั่ง ถูกเจาะไปกว่า 50 เขต
  • วิวัฒนการ พรรคภูมิใจไทย ภายใต้การนำ อนุทิน ชาญวีรกุล นักศึกษา วปอ.61เชื่อมสัมพันธ์คนในกองทัพ
  • กองทัพภาคที่2 ดูแลพื้นที่ยุทธศาสตร์การเมือง ที่ทุกพรรคหวังใช้กลไกทหารไม่ต่างสมัย บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม

 

หากโจทย์ใหญ่ “ทักษิณ ชินวัตร” คือการทวงคืนแชมป์อีสานในการเลือกตั้งครั้งหน้า แน่นอนว่า คู่ต่อสู้ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากคนกันเองในขั้วรัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะบ้านใหญ่ค่ายสีน้ำเงิน

ภาคอีสานเปรียบเป็นฐานที่มั่นของ “ทักษิณ” เพราะตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย สามารถกวาดสส.ทะลุ 100 ที่นั่ง แต่เลือกตั้งล่าสุด แม้จะได้สส.มาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ก็ถูกเจาะไปกว่า 50 เขต

เพราะการเลือกตั้งปี 2566 จำนวน สส.อีสาน เพื่อไทย 73 ที่นั่ง ภูมิใจไทย 35 ที่นั่ง พลังประชารัฐ 7 ที่นั่ง ก้าวไกล 7 ที่นั่ง ไทยสร้างไทย 5 ที่นั่ง เพื่อไทรวมพลัง 2 ที่นั่ง (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคไทรวมพลัง) ประชาธิปัตย์ 2 ที่นั่ง ชาติไทยพัฒนา 1 ที่นั่ง

ที่เห็นชัดวิวัฒนการ “พรรคภูมิใจไทย” ภายใต้การนำ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นอกจากบารมี ครูใหญ่ “เนวิน ชิดชอบ”แล้ว ความสัมพันธ์กับคนในกองทัพที่ก่อตัวจากการเรียนหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ปี 2561 (วปอ.61) ถูกนำไปต่อยอดขยายผล

เลือกตั้งล่าสุด ภูมิใจไทยเจาะพื้นที่อีสานได้เกินเป้า เช่น อำนาจเจริญ ชนะยกจังหวัด สุรินทร์ ได้มา 5 ที่นั่ง จาก 8 ที่นั่ง ส่วนจังหวัดอื่น เช่น บึงกาฬ มหาสารคามกาฬสินธุ์ นครพนม ยโสธร อุบลราชธานี

“กองทัพภาคที่ 2” รับผิดชอบพื้นที่ยุทธศาสตร์การเมือง หากพรรคใดชนะเลือกตั้งภาคอีสาน ถือว่ากำชัยไปแล้วกว่าครึ่งหนึ่ง และต่างหวังใช้กลไกทหาร เช่นเดียวสมัย “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ใช้เป็นเครื่องมือปูรากฐานคะแนนเสียง

การปรับย้ายใหญ่ภายในกองทัพปีนี้ พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ (ตท.26) แม่ทัพภาคที่ 2 คอนเน็กชั่นสายบุรีรัมย์ เพื่อนร่วมรุ่น วปอ.61 “อนุทิน” กำลังจะเกษียณอายุราชการ 30 ก.ย.2567 นี้ เตรียมส่งไม้ต่อเพื่อนร่วมรุ่น พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพน้อยที่ 2 คุมกำลังภาคอีสาน

สำหรับ พล.ท.บุญสิน เคยเป็นผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 22 ปฏิบัติภารกิจพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ก่อนจะเป็น ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3 ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี รองแม่ทัพภาคที่ 2 (รอง มทภ.2)

แต่อาจเจอศึกประลองกำลัง เพราะฝ่ายการเมืองต้องการให้ พล.ต.ฉกาจพงษ์ หงษ์ทอง (ตท.24) รอง มทภ.2 เป็น มทภ.2 เพราะนอกจากมีสายสัมพันธ์สนิทกับหลังบ้านมหาสารคาม เพื่อนร่วมรุ่น ตท.24 ยังพร้อมสนับสนุน

พล.ต.ฉกาจพงษ์ เป็นเหล่าทหารม้า เคยปฏิบัติภารกิจชายแดน จ.เพชรบูรณ์ ก่อนเป็นผู้บังคับการกรมทหารม้าที่ 6 รองผบ.พลทหารม้าที่ 3 เข้าไลน์กองทัพภาคที่ 2 เป็นเสนาธิการกองทัพน้อยที่ 2 และผู้อำนวยการศูนย์ประสานความมั่นคง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 และ รอง มทภ.2 ตำแหน่งปัจจุบัน

คาดว่าบัญชีรายชื่อปรับย้ายนายทหารยกแรก จะถึงกรมเสมียนตรากระทรวงกลาโหม เพื่อตรวจสอบความถูกต้องประมาณวันที่ 13-14 ส.ค. ก่อนถึงมือรัฐมนตรี “สุทิน คลังแสง” และในวันที่ 16 ส.ค.จะมีการประชุมสภากลาโหม

หลังจากนั้น 18 ส.ค. สุทิน พร้อมด้วยพล.อ.สนิธชนก สังจันทร์(ตท. 24) ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี(ตท.24) ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เดินทางไปสหรัฐอเมริกาประมาณ 1 สัปดาห์ โดยจะนำบัญชีรายชื่อปรับย้าย โดยเฉพาะในตำแหน่งสำคัญหารือร่วมกัน

“บังเอิญเป็นเวลาที่ตรงกับการส่งโผแรก อยู่ในช่วงของการเดินทางไปสหรัฐฯ ร่วมกันพอดี เป็นจังหวะที่สามารถพูดคุยกับปลัดกลาโหม และผบ.ทหารสูงสุดได้ ก็ไม่แปลก อาจต้องสอบถามกันบ้าง บางจุด แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นจุดไหน เพราะยังไม่เห็นรายละเอียด” สุทิน ระบุ

ท่ามกลางกระแส “ทักษิณ”เรตติ้งตก ไม่ฟีเวอร์เหมือนในอดีต หลังเสียพื้นที่เมืองหลวงและปริมณฑล รวมถึงภาคตะวันออกให้พรรคคู่แข่ง อีกทั้งยังมีดัชนีชี้วัด เลือกตั้งนายกอบจ.ปทุมธานี คนของพรรคเพื่อไทย ชนะคู่แข่งด้วยคะแนนฉิวเฉียดเพียงพันกว่าคะแนน

ดังนั้น พื้นที่อีสาน ฐานที่มั่นสุดท้ายของ “ทักษิณ” จึงถูกจับตาว่า จะเป็นพื้นที่นำร่องพลิกฟื้นเรตติ้งเพื่อไทยได้หรือไม่