'ประพันธ์' ชี้ 50% ถอนถอด'เศรษฐา'พ้นนายกฯ 14ส.ค. รับหวั่นมีอภินิหารอื่น

'ประพันธ์' ชี้ 50% ถอนถอด'เศรษฐา'พ้นนายกฯ 14ส.ค. รับหวั่นมีอภินิหารอื่น

“ประพันธ์” ชี้ 50% ถอนถอด“เศรษฐา”พ้นนายกฯ 14ส.ค.นี้ มั่นใจข้อกม.-เอกสารหลักฐานแน่น แต่หวั่นมีอภินิหารอื่น ชี้คำแถลงปิดแก้ตัวแบบขว้างงูไม่พ้นคอ ไม่มีน้ำหนัก

เมื่อวันที่ 12 ส.ค. นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะหนึ่งในผู้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้วินิจฉัยถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากกรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ทั้งที่ไม่มีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญว่า ในมุมมองของนักกฎหมายและทนายความจากที่อ่านคำชี้แจงและคำแถลงปิดคดีของนายเศรษฐาไม่ค่อยแหลมคม รู้สึกผิดหวัง เพราะแก้ตัวไม่ค่อยมีน้ำหนัก และคาดหวังว่าเมื่อมีนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกฯแล้ว ค่อยเป็นกุนซือให้คำปรึกษา แต่คำชี้แจงแถลงกลับเป็นแบบพื้นๆ ไม่มีอะไรใหม่ หรือมีน้ำหนักหักล้างข้อกล่าวหาของผู้ร้อง 40 อดีตสว.ได้ อีกทั้งยังอ้างความเป็นนักธุรกิจที่ไม่คุ้นเคยกับข้อกฎหมายและเรื่องรัฐศาสตร์ ไม่น่าใช้เป็นข้ออ้างหักล้างข้อกล่าวหาได้ 

นายประพันธ์ กล่าวว่า ขณะที่คำแถลงของ40สว.ค่อนข้างละเอียด โดยเฉพาะคำสั่งของศาลฎีกาที่ให้นายพิชิตจำคุกเปรียบเสมือนคำพิพากษา เพราะเรื่องเกิดขึ้นที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงไปจบที่ชั้นศาลฎีกาโดยไม่มีอุทธรณ์ เพราะผู้กระทำความผิดไปกระทำความผิดในศาลฎีกาฯ และศาลฏีกาเป็นผู้ไต่สวนสอบสวนเรื่องนี้ของนายพิชิต พวกเราในฐานะผู้ร้องได้ยื่นเอกสารที่เป็นหนังสือของเลขาศาล ที่ส่งถึงสภาทนายความ ที่เป็นผู้ขอให้เพิกถอนใบอนุญาตของนายพิชิตและพวก เนื่องจากประพฤติผิดมารยาททนายความอย่างร้ายแรง มีหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรจากสำนักงานศาล อีกทั้งศาลยังมอบให้เลขาศาลไปแจ้งความดำเนินคดีเองกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งนายกฯต้องทราบข้อเท็จจริงนี้อยู่แล้ว 

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เขายังเคยมอบทนายไปฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งของสภาทนายความ จนคดีถึงศาลปกครองสูงสุดซึ่งตัดสินว่าคำวินิจฉัยของสภาทนายความเป็นคำสั่งโดยชอบแล้ว รายละเอียดเหล่านี้นายกฯอ้างไม่รู้ไม่ได้ สำคัญคือนายกฯไม่ได้นำรายละเอียดดังกล่าวไปถามกฤษฎีกา แตกต่างจากกรณีของนายไผ่ ลิกค์ ที่ให้รายละเอียดกับกฤษฎีกาเลยว่านายไผ่ต้องคดีที่ไหน ท้องที่ใด คำพิพากษาว่าอย่างไร ถามว่าทำไมคุณถึงให้รายละเอียดได้ซ้ำยังถามด้วยว่านายไผ่มีคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ 

“ในทางกฎหมายและข้อเท็จจริงพยานหลักฐาน นายกฯค่อนข้างลำบาก แก้ตัวแบบขว้างงูไม่พ้นคอ แก้ตัวว่าไม่รู้ ลำบาก ครั้งแรกที่ไม่แต่งตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรีก็เพราะสาเหตุนี้ แต่พอมาครั้งที่สองไม่ถามใครเลย ตั้งเลย แล้วจะเอาผลครั้งแรกมาใช้กับครั้งหลังได้หรือไม่ แต่ครั้งแรกก็ถามไม่ละเอียดอยู่แล้ว ความจริงต้องถามทุกมาตรา ไม่ใช่ถามแค่เฉพาะวงเล็บใดวงเล็บหนึ่ง แต่ปัญหาคือครั้งที่สองไม่ได้ถามเลย ดังนั้น ในทางกฎหมายและข้อเท็จจริงเราไม่ได้หนักใจ ถ้าหากเขาจะพ้นหรือจะหลุดมันต้องเหตุอื่นแล้ว ไม่ใช่เหตุทางกฎหมาย อาจจะมีเหตุอภินิหารทางกฎหมายอย่างอื่น ซึ่งในชั้นนี้ก็ต้องบอกว่า 50 50 และในวันที่ 14 ส.ค.นี้ ตน นายสมชาย แสวงการ และนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม จะไปรับฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญด้วยตนเอง“ นายประพันธ์ กล่าว