'3แกนนำ40สว.' ร่วมฟังคำวินิจฉัย ถอด 'เศรษฐา' ชี้หลักฐานเด็ดมัดผิดจริยธรรม

'3แกนนำ40สว.' ร่วมฟังคำวินิจฉัย ถอด 'เศรษฐา' ชี้หลักฐานเด็ดมัดผิดจริยธรรม

"สมชาย" เผย 3อดีตสว. ร่วมฟังคำวินิจฉัยคดีถอด "เศรษฐา" จากตำแหน่งนายกฯ เผยหลักฐานสำคัญ เป็นหนังสือศาลยุติธรรม ชี้ชัดผิดจริยธรรมร้ายแรงชัดเจน

นายสมชาย แสวงการ อดีตสว.ในกลุ่ม40 สว. ที่ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ออกจากตำแหน่ง เพราะมีเหตุกระทำผิดจริยธรรม กรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ทั้งนี้เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามดำรงตำแหน่ง ให้สัมภาษณ์ว่า ในการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีที่กลุ่ม40สว.ยื่นนั้น ตนพร้อม นายประพันธุ์ คูณมี และนายดิเรก ฤทธิ์เจนครองธรรม อดีตสว. จะเข้าร่วมรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยที่ศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ (14 ส.ค.) ด้วย

นายสมชาย ยังระบุด้วยว่าตนในฐานะผู้แทนอดีต สว.40คน ที่ได้เข้าชื่อร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่าการยื่นคำร้องให้ถอดถอนนายเศรษฐา  และนายพิชิต ชื่นบาน ให้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ด้วยคำร้องที่ระบุถึงข้อกฏหมายและข้อเท็จจริง ประกอบด้วยเอกสารพยานหลักฐาน รวมถึงความชัดเจนในความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ2560 ว่า คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามนั้นถูกกำหนดให้มีมากขึ้น มากกว่าคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  โดยต้องมีเพิ่มขึ้นมากกว่า คือต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่มีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตราฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง 

"ในฐานะผู้ร้องจึงยืนยันด้วยความเชื่อมั่นในหลักกฎหมายตามหลักนิติรัฐนิติธรรมว่า ผู้ถูกร้องทั้งสองขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา160(4)(5)ชัดเจน จึงขอให้ศาลวินิจฉัยให้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี พวกเราทุกคนเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของผู้ร้องว่าได้กระทำด้วยความถูกต้องครบถ้วนแล้ว  และพร้อมน้อมรับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไม่ว่าผลจะออกมาในทางใด" นายสมชาย ระบุ 

 

ทั้งนี้นายสมชาย ยังโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค เป็นข้อความและภาพซึ่งเป็นหนังสือจากเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เรื่อง ขอให้ลบชื่อทนายความออกจากทะเบียนทนายความ ถึงนายกสภาทนายความ ลงวันที่ 30 มิ.ย.2551

\'3แกนนำ40สว.\' ร่วมฟังคำวินิจฉัย ถอด \'เศรษฐา\' ชี้หลักฐานเด็ดมัดผิดจริยธรรม

โดยนายสมชาย ระบุข้อความว่า “หนึ่งในหลักฐานสำคัญที่รู้อยู่แล้ว ยังดันทุรังตั้งคนที่ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม ชัดเจนว่าผู้เสนอตั้งนั้นมีความไม่สุจริต และผิดจริยธรรมร้ายแรง”