'ปธ.กสทช.' แจง 'วุฒิสภา' มีคุณสมบัติครบถ้วน ซัด อดีตกมธ.ไอซีที บิดเบือน
'ปธ.กสทช.' แจงวุฒิสภา มีคุณสมบัติถูกต้องตามกฎหมาย ซัด ผลสอบของอดีตกมธ.สว. ให้พ้นตำแหน่งนั้นบิดเบือน ไม่เป็นกลาง ย้ำทำงานเต็มเวลาไม่เคยมีผลประโยชน์ทับซ้อน
ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม วาระพิจารณารายงานผลการปฏิบัติงานของกรรมการกิจการกระจายเสีง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ประจำปี 2566 และรายยงานติดตาม ตรวจสอบ และการประเมินผลปฏิบัติงาน กสทช.
ตอนหนึ่งของการประชุม สว.ได้ตั้งข้อสังเกตถึงคุณสมบัติและลักษณ์ต้องห้ามของ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ที่พบผลการตรวจสอบจาก คณะกรรมาธิการ การเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม (กมธ.ไอซีที) ของวุฒิสภาชุดที่ผ่านมา ซึ่งมี พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ อดีตสว. เป็นประธานกมธ. ว่ามีลักษณะต้องห้ามและส่อว่ามีคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม เนื่องจากมีตำแหน่งเป็นพนักงานของมหาวิทยาลัยมหิดล จึงไม่สามารถดำรงตำแหน่ง ประธานกสทช.ได้ ทั้งนี้อดีตกมธ.ไอซีที ได้ทำรายงานเสนอให้ปลดพ้นจากตำแหน่ง
ทั้งนี้ นพ.สรณ ชี้แจง ว่า ตนมาตามหนังสือเชิญของประธานวุฒิสภา ส่วนกรรมการคนอื่นจะได้รับหนังสือเชิญย หรือเลือกมาชี้แจงเองหรือไม่เป็นเอกสิทธิของแต่ละคน อย่างไรก็ดีตนขอชี้แจงประเด็นที่พาดพิงถึงตน ทั้งเรื่องการสรรหาเลขาธิการ กสทช.ที่ปัจจุบันมีรักษาการ ปฏิบัติหน้าที่ 4 ปีแล้ว แต่กสทช. ทำงานครบ 7 คนเมื่อ เม.ย. 2566 ได้ดำเนินการตามกฎหมาย ตั้งแต่ ต.ค. 2566 กระบวนการสรรหาเสร็จแล้ว มี.ค. 2567 แต่ไม่ได้ตัวเลขาฯ เพราะมีปัญหาฟ้องร้องในศาลทำให้การเดินหน้าต่อไปลำบาก
นพ.สรณ ชี้แจงด้วยว่าส่วนประเด็นคุณสมบัติของตน ทั้งนี้ตนได้ทำหนังสือถึงนายพรเพชร วิชิตชลชัย อดีตประธานวุฒิสภาชุดที่ผ่านมา โดยตนไม่ได้แย้งอำนาจและหน้าที่ของสว. ทั้งนี้สว.ตรวจสอบคุณสมบัติตนไปก่อนแล้วก่อนที่จะได้รับโปรดเกล้าฯ และการตรวจสอบคุณสมบัติซ้ำใหม่ไม่ได้กำหนดให้เป็นอำนาจของหน่วยงานใด คณะกรรมการที่ตรวจสอบไม่ใช่กรรมการที่เป็นกลาง ไม่มีกฎหมายที่บอกว่าต้องดำเนินการที่กรรมาธิการเสนอ
“รายงานของกมธ.วุฒิสภาที่อ้างถึงคุณสมบัติผมนั้นจัดทำที่มีอคติ ยึดโยงกับกลุ่มอำนาจ เป็นการให้ร้าย ลำเอียง ไม่โปร่งใส บิดเบือน ไม่เป็นกลาง ทำแบบรวบรัด ตัดตอนทำให้เสร็จ ภายใน 1 สัปดาห์ เร่งร้อน ลวกๆ ขู่กรรโชกให้ได้ข้อความหรือข้อมูลที่ต้องการ แต่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ในรายงานนี้จึงเป็นการกล่าวหาที่ไม่อยู่บนความสุจริตยุติธรรม สอดคล้องกับสว.ในที่นี้เคยบอกว่า สว.ชุดใหม่ไม่ได้เป็นกลุ่มหรือองค์กรที่รับมรดกจากใครในอดีต ทั้งนี้อดีตประธานวุฒิสภาคนที่แล้วเมื่อได้รับรายงานไม่เห็นด้วยกับรายงานและไม่ได้ดำเนินการอย่างไรต่อไป และเรื่องนี้ไม่ได้เป็นวาระวันนี้” นพ.สรณ ชี้แจง
นพ.สรณ ชี้แจงด้วยว่า ส่วนกรณีที่ประธานคณะกรรมการติดตามและประเมินผล การปฏิบัติงานของ กสทช. (กตป.) แถลงการดำเนินงานนั้นไม่ทราบข้อเท็จจริงครบถ้วน การนำเรื่องกมธ.วุฒิ มาชี้แจงไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงใหัครบถ้วนก่อน จึงไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่และไม่อยู่ในวาระการประชุมครั้งนี้ ทั้งนี้ กตป.ไม่ได้แถลง และผู้แถลงไม่ใช่สว.ที่จะมีสิทธิอภิปรายกล่าวหาบุคคลอื่นให้เสียหาย ถือเป็นการใช้โอกาสชี้แจงผลงานต่อวุฒิสภาโดยไม่ชอบ
“ข้อเท็จจริงผมลาออก พน้กงานมหาวิทยาลัยมหิดล 6 มกราคม 2565 และแสดงหลักฐานว่าได้ลาออกแล้วต่อประธานวุฒิสภาเรียบร้อยแล้วตามกฎหมาย กสทช. และตั้งแต่ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นประธานกสมทช. ผมไม่เคยขาดคุณสมบัติ ผมไม่เคยขาดคุณสมบัติ ผมทำงานเต็มเวลาไม่เคยเป็นกรรมการของบริษัทเอกชนใด ตลอดชีวิตของการเป็นแพทย์และอาจารย์แพทย์ เป็นอาชีพช่วยชีวิตเป็นไปตามจริธรรมวิชาชีพ ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือเบียดเบียนเวลาการทำงาน ประธานกสทช.” นพ.สรณ ชี้แจง.