‘ทักษิณ’ เล่าฉากหลังแตกหัก ‘บิ๊กป้อม’ จนวันนี้ ปมเหตุตั้งประธาน ป.ป.ช.

‘ทักษิณ’ เล่าฉากหลังแตกหัก ‘บิ๊กป้อม’ จนวันนี้ ปมเหตุตั้งประธาน ป.ป.ช.

‘ทักษิณ’ เล่าฉากหลังแตกหัก ‘บิ๊กป้อม’ ปมสมัครเป็นประธาน ป.ป.ช. ลั่นรัฐธรรมนูญยังเป็นปัญหาอยู่ ต้องแก้ไข ยันหลังเลือกตั้ง 66 ถ้า “ก้าวไกล” ถอย ม.112 ได้ตั้งรัฐบาลร่วมกันแล้ว รับเดินคนละทางกับ “พรรค ปชช.” เพราะเน้นสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ยัน ปชป.มาร่วมรัฐบาลแน่

เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2567 ที่พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน “เนชั่น กรุ๊ป” จัดงาน “Vision For Thailand” โดยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์แบบ Exclusive กับ 2 บก.เครือเนชั่น กรุ๊ป ถึงประเด็นทางการเมือง เริ่มจากประเด็นที่หลายคนตั้งคำถามว่าออกจากไทยไป 17 ปี แต่กลับมาไทยเมื่อปีก่อน มีดีลกับใครหรือไม่ ว่า ไม่มีใครมาดีล ไม่มีใครกล้าดีลกับตน เพราะว่าตนไม่มีอะไรให้ดีล ดีลกับตนเสียเวลา แต่ต้องยอมรับว่ารักบ้านเมือง และคิดถึงหลาน เวลาเขากลับ เราก็น้ำตาตก หลานน่ารัก เราก็อยากกลับ ไปตายเอาดาบหน้า สุดท้ายก็ตัดสินใจ ก็ประสานกันกับรัฐบาลให้เขารู้หน่อย

วันนั้นรัฐบาลเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้รับรู้หน่อยว่าตนจะกลับ เพราะว่าไม่มีพาสปอร์ต ถูกยึดไปแล้ว ก็เลยประสาน เขาก็เลยเตรียมการ เสร็จแล้วก็ (ยกมือไหว้ท่วมหัว) เรามีหน้าที่ตอบแทนทุกอย่างให้บ้านเมือง เรามีหน้าที่ต้องจงรักภักดีตลอดไป เป็นสิ่งที่ทำให้ตนได้กลับมาเป็นคนไทยอีกครั้งหนึ่ง โดยบทบาทหน้าที่หลังจากรับใบบริสุทธิ์พ้นโทษมาแล้ว คือ ตนเป็นอดีตนายกฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พี่น้องคนไทยหลายคน ก็ยังมีความผูกพันอยู่กับตนบ้าง ก็ถือว่าเป็นหน้าที่ต้องตอบแทนบ้านเมืองอย่างสุดฝีมือ ในขณะที่สมองเรายังดี ความจำเรายังดีอยู่ และผ่านประสบการณ์ เห็นประเทศต่างๆ มาเยอะแล้ว ต้องเป็นพระเอกหนัง โลกทั้งใบให้นายคนเดียว ให้ประเทศไทยคนเดียว แต่ตนไม่ใช่เต๋า สมชาย นะ

เมื่อถามว่า ห่างการเมืองไทยไปนาน การเมืองไทยเปลี่ยนไปเยอะหรือไม่ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่เพิ่งเคยแพ้เลือกตั้งครั้งแรกเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา นายทักษิณ กล่าวว่า การเมืองไทย เปลี่ยนไปเยอะ เพราะหลังการรัฐประหารครั้งแรก และครั้งที่ 2 การร่างรัฐธรรมนูญ มีเจตจำนงชัดเจนว่าต้องการให้การเมืองอ่อนแอ จงใจให้การเมืองอ่อนแอ เพราะกลัวการเมืองแข็งแรง เหมือนสมัยตนเป็นนายกฯ เพราะไม่เคยมีประวัติศาสตร์ว่า เลือกตั้งชนะรอบ 2 แล้วจะชนะ ปกติรอบ 2 เจ๊งทุกราย แต่พรรคตนได้มาถึง 377 เสียงของสภาฯ เขาก็ไม่อยากให้เกิด ส่วนที่มีการกล่าวหาว่าเผด็จการรัฐสภานั้น ต้องบอกว่าประชาชนเผด็จการหรือไม่ เพราะเขาเลือกมา แต่ทหารเผด็จการน่ากลัวกว่าเยอะ

  • ลั่นรัฐธรรมนูญยังเป็นปัญหาอยู่ ต้องแก้ไข

เมื่อถามว่า ขณะนี้รัฐธรรมนูญยังมีปัญหาอยู่หรือไม่ รวมถึงเรื่ององค์กรอิสระที่เป็นตัวแปรทางการเมือง นายทักษิณ กล่าวว่า มีปัญหามาก ต้องแก้เยอะ วันนี้ฝ่ายประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง แข็งแรง และสามัคคีกันมากพอสมควร ถึงเวลาต้องแก้รัฐธรรมนูญ ให้ประชาธิปไตยกลับสู่คนไทย เพราะรัฐบาลมาจากรัฐสภา ก็ต้องไปด้วยสภาฯ จริงๆ แล้วหลักการของประชาธิปไตยคือ  3 เสาหลัก บริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ มันควรเป็นแค่นี้ ตอนนี้มากกว่านี้ไปแล้ว แถมมีพวกนักร้องอีก สร้างเป็นอาชีพใหม่ ไม่ต้องมีแผ่นเสียงทองคำ ตนว่าความจริง ผู้เสียหาย และองค์กรที่เกี่ยวข้องมีสิทธิอยู่แล้ว ไม่ต้องให้นักร้องอาชีพ 

ซักว่าเป็นนายกฯ ครั้งแรกปี 2544 ที่มาจากรัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งมีองค์กรอิสระครั้งแรก ตอนนี้ผ่านมากว่า 20 ปี เจตจำนงองค์กรอิสระเปลี่ยนไปเยอะหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ต้องทบทวน และการออกกฎหมายขององค์กรอิสระ ไปออกกฎหมายให้เขาเขียนระเบียบเอาเอง เมื่อเขาเขียนระเบียบเอง เลยเกิดคำว่า ใช้อำนาจตุลาการลึกไป มากเกินกว่าที่เป็น ตอนนี้เป็นแบบนั้น เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยตนแล้ว ตนโดนมาเยอะ ตนจบ Ph.D แต่เป็นคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด 

“มีคนจากก้าวไกลเคยถามผมว่า พรรคเขาจะถูกยุบหรือไม่ ผมบอกว่า ขนาดผมแค่โดนหมั่นไส้ อยู่เมืองนอก 17 ปี ยังโดนยุบไป 3 พรรค แล้วของคุณจะไปเหลือเหรอ เคยบอกเขาไปนานแล้ว ตอนนี้ไม่รู้เขาเชื่อแล้วหรือยัง” นายทักษิณ กล่าว

  • ยันหลังเลือกตั้ง 66 ถ้า “ก้าวไกล” ถอย ม.112 ได้ตั้งรัฐบาลร่วมกันแล้ว

ส่วนประเด็นเรื่อง “รัฐบาลข้ามขั้ว” เปลี่ยนนายกฯ จากนายเศรษฐา มาเป็น น.ส.แพทองธาร หลังจากนี้รัฐบาลจะเดินหน้าไปอย่างมีเสถียรภาพหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เรื่องเสถียรภาพ ไม่มีปัญหา เรื่องข้ามขั้วหรือไม่ข้ามขั้ว บ้านเราชอบบัญญัติศัพท์ และติดปากจังเลย จริงๆ แล้ว บ้านเราเป็นระบบรัฐสภา ใครรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่ง คนนั้นตั้งรัฐบาลได้ แต่มารยาทเขาให้สิทธิคนได้ที่ 1 ก่อน ถ้าที่ 1 ตั้งไม่ได้ ก็อันดับ 2 รวบรวมเสียง ไม่ได้เป็นการข้ามขั้ว แต่เป็นระบบรัฐสภา เขาตั้งไม่ได้ เพราะเขาไม่ยอมยกเลิกเรื่องแก้มาตรา 112 เรื่องเดียวเลย แล้วพรรคอื่นทุกพรรคเขาไม่เอาด้วยกับเรื่องนี้ ส่วนประเด็นเสถียรภาพรัฐบาลนั้นยังมั่นใจ เพราะ สส.ในฝั่งรัฐบาลมี 300 กว่าเสียง น่าจะถึง 330 เสียง ก็ไม่มีอะไรที่เสี่ยง รวมถึงงานที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยตั้งใจจะทำ และทีมงานรองรับด้านหลัง น่าจะผลักดันงานได้ดี 

ถามย้ำว่าถ้าตอนนั้นย้อนไป หากพรรคก้าวไกลไม่มีเรื่องมาตรา 112 พรรคเพื่อไทยจะร่วมจัดตั้งด้วยใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “จบไปแล้ว ถ้าไม่มี 112 ก็เพราะจะเอา 112 นี่แหละ มันเป็นไปไม่ได้”

  • รับเดินคนละทางกับ “พรรค ปชช.” เพราะเน้นสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ

เมื่อถามถึงเคล็ดลับของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยหลังจากนี้ จะทำอย่างไรให้ชนะพรรคประชาชนในการเลือกตั้งครั้งหน้า นายทักษิณ กล่าวว่า มีโอกาสสูงที่เพื่อไทยจะมาที่ 1 คราวที่แล้ว ตอนหาเสียงการเลือกตั้งครั้งก่อนปี 2566 น.ส.แพทองธาร ลาคลอด 10 กว่าวัน ถ้ายังหาเสียงต่อเนื่อง กระแสน่าจะไม่ตกแบบนี้ มั่นใจ ของมันเคยชนะมาแล้ว ก็ชนะอยู่แล้ว

“พรรคประชาชนหรือก้าวไกล ต้องการความเท่าเทียม ในระนาบหัวเดียวกันมันเป็นไปไม่ได้ของสังคมไทย เขาอยู่ในบริบทของการเมือง แต่เพื่อไทยอยู่ในบริบทปฏิรูปเศรษฐกิจ สร้างโอกาสเท่าเทียมกันแก่ประชาชน เขาเน้นสถานะ เราเน้นโอกาส” นายทักษิณ กล่าว

  • ยัน ปชป.มาร่วมรัฐบาลแน่

เมื่อถามวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะมาร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายทักษิณ ตอบสวนทันทีว่า “ปชป.ก็มาร่วม เห็นไหมเขามางานวันนี้ วันนี้ไทยต้องสามัคคีกันคือ เราแบ่งหน้าที่กันทำ แต่เราไม่ได้เป็นศัตรู ใครมีหน้าที่อะไร ก็ทำหน้าที่ตามนั้น มาเป็นศัตรูกันทำไม เราคนไทยด้วยกัน”

  • เล่าฉากหลังแตกหัก ‘บิ๊กป้อม’ ปมสมัครเป็นประธาน ป.ป.ช.

ส่วนเรื่องความบาดหมางกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก่อนหน้านี้ได้คุยกันแล้วหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยคุยกันเรื่องร่วมรัฐบาลกัน คุยกันเฉยๆ ว่า เป็นอย่างไร สารทุกข์สุขดิบ แต่หลังจากนั้นไม่ได้คุย ไม่ได้เจอเลย เขาไม่รู้จักตนแล้ว ตนตั้งเขาเป็นตั้งแต่แม่ทัพภาค 1 ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และเป็น ผบ.ทบ. โดยจุดเริ่มต้นของความบาดหมางมาจากสมัยก่อน เขาเคยสมัครเป็นประธานกรรมการ ป.ป.ช. แต่ตนคัดค้าน เพราะเขาเป็นทหาร จะรู้กฎหมายหรือไม่ ทำให้นายสุชน ชาลีเครือ ที่เรียนหลักสูตร วปอ.กับ พล.อ.ประวิตร ไปบอกเขา ทำให้เขาโกรธตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

ส่วนวันนี้อยากบอกอะไร พล.อ.ประวิตร นั้น นายทักษิณ กล่าวว่า เราก็อายุมากกันแล้ว ฟังธรรมะสักหน่อย ใจเย็น จิตใจจะได้สงบ อยู่เมืองนอก 10 กว่าปี คดีถูกยัดให้ตน ทีแรกก็โกรธ ตอนหลังมาเฉยๆ ขำเลย มาอีกหนึ่งคดีแล้ว 

  • มั่นใจสู้คดี ม.112 ได้สบาย เหตุตำรวจแปลภาษาผิด

ส่วนประเด็นเรื่องมาตรา 112 ที่ถูกดำเนินคดีในตอนนี้ ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า นักข่าวเกาหลีมาสัมภาษณ์ตน ตนก็ไม่รู้ว่าจะอัดวิดีโอ คิดว่าอัดเทปเฉยๆ ก็คุยกันไป เสร็จแล้วตนไม่เคยแตะเรื่องเจ้านายเลย คำว่า Circle ตำรวจตกภาษาอังกฤษหรือเปล่าไม่รู้ มันแปลว่า วงรอบ Center คือใจกลาง ตนไม่ได้พูด Center แต่ตนพูด Circle ยืนยันว่าไม่รู้ใครกดดัน คนกดดันยังอยู่ จะไปซัดในศาล เอาให้อยู่ มั่นใจเรื่องนี้จัดการได้ สบายมาก แปลภาษาอังกฤษยังผิดเลย

ส่วนเรื่องวางบทบาทตัวเองหลังจากนี้จะวางตัวอย่างไร ในขณะที่ น.ส.แพทองธาร บุตรสาวเป็นนายกฯ นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ต้องทำหน้าที่ช่วยคิด ช่วยเสนอแนะ แต่การตัดสินใจเป็นเรื่องของนายกฯ ของ ครม. ตนมีหน้าที่ว่า ไปพบสิ่งไหนต้องปรับปรุงแก้ไข หรือแนวทางประเทศควรไปทางไหนดี ก็จะบอกเขา แต่การตัดสินใจเป็นเรื่องของนายกฯ และ ครม. ไม่ใช่เรื่องของตน ก็คงจะอยู่เฉย มองปัญหาบ้านเมืองแบบไม่สนใจคงไม่ได้ ถ้าจะตั้งตำแหน่งให้ตัวเองคือ “สทร.” ถึงแม้ไม่ใช่ลูกตนเป็นนายกฯ ก็ต้องบอก ส่วนจะลงมือทำเองเลยหรือไม่นั้น หากเป็นเรื่องเล็กๆ เช่น ถ้าเจอขยะหล่นสักชิ้นคงเก็บเอง

  • เชื่อไม่มีรัฐประหารอีกแล้ว เหตุ Circle หายไปแล้ว

เมื่อถามว่าหลังผ่านประสบการณ์ทางการเมืองมา 20 กว่าปี คิดว่าจะเกิดรัฐประหารอีกหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า  Circle หายไปแล้ว ไม่มีแล้ว เพราะตอนนี้เชื่อว่าทุกอย่างมันมีกลไกเยอะ คิดว่าเรื่องรัฐประหารไม่น่าจะมีแล้ว เชื่อว่า น.ส.แพทองธาร จะปลอดภัย 100%

"ในฐานะพ่อต้องห่วงใยลูก ต้องช่วยลูก แต่ไม่เข้าไปก้าวก่ายหน้าที่การงาน ในสถานะความเป็นนายกฯ ถึงแม้เขาเป็นลูก แต่ต้องให้เกียรติสถานะที่เขาเป็นอยู่” นายทักษิณ กล่าว"

นายทักษิณ ทิ้งท้ายว่า ลูกกับพ่อมีแต่เสริมกัน ไม่มีทางที่จะขัดกัน ตนบอกแล้วว่าถึงเขาเป็นลูก แต่ให้เกียรติ และเคารพในหน้าที่การงานเขา ตนให้การสนับสนุน หรือสิ่งที่เขาเรียกปรึกษา 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์