‘4รมต.’ ฝ่าขวากหนามคุณสมบัติ นับหนึ่งรัฐบาล‘แพทองธาร’ก.ย.
นับหนึ่งรัฐบาล‘แพทองธาร’ก.ย.จับตาแถลงนโยบาย -‘4รมต.’ ฝ่าขวากหนามคุณสมบัติ เปิดคำพิพากษาศาลรธน.14ส.ค. มาตรฐาน‘จริยธรรม’รัฐมนตรี
KEY
POINTS
- คาดว่าภายในต้นเดือน ก.ย ไม่เกินกลางเดือน ก.ย.รัฐบาลชุดใหม่จะสามารถทำหน้าที่ได้
-
ผลพวงจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่14ส.ค.ที่ผ่านมา ได้วางมาตรฐานจริยธรรมไว้สูงลิบ ไม่ว่าจะเป็นการหยิบยกรัฐธรรมนูญที่วางกลไกป้องกัน ตรวจสอบ ขจัดการทุจริตเพื่อมิให้ผู้บริหารใช้อำนาจตามอำเภอใจ และทุกการตัดสินใจมีผลกระทบต่อบ้านเมือง จึงต้องมีความรับผิดชอบในทุกการกระทำ
-
พรรคเพื่อไทยย่อมรู้ดีถึงบทเรียนที่เกิดขึ้น จำต้องเตรียมแผน1 แผน2อย่างรัดกุม เพราะหากรัฐบาลที่มี“แพทองธาร”เป็นผู้นำเกิดเพลี้ยงพล้ำอีกรอบ ย่อมกลายเป็นเกมเข้าทางพรรคการเมืองบางพรรค ในการชิงจังหวะขึ้นนำ พร้อมเปลี่ยนตัว “ผู้นำ” ทันที
-
จังหวะ “ฝ่ายค้าน-ฝ่ายแค้น” กำลังเดินเกมเอาคืนทั้งบนดินและใต้ดิน
หากเป็นไปตามที่มีการคาดหมาย ในเดือนก.ย.นี้การเมืองจะเข้าสู่โหมดนับหนึ่งรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร แบบเต็มรูปแบบ
สอดคล้องกับท่าทีของ “ผู้จัดการรัฐบาล” อย่าง“ภูมิธรรม เวชยชัย” รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ พูดถึงไทม์ไลน์รัฐบาล ซึ่งล่าสุดพรรคร่วมรัฐบาล ได้มีการส่งชื่อว่าที่รัฐมนตรี ให้พรรคแกนนำเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ คาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯส่วนจะเป็น 26 ส.ค.ตามที่มีกระแสข่าวหรือไม่ ต้องจับตา
ทันทีที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งก็จะสามารถ เรียกประชุมเพื่อกำหนดวันแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา คาดว่าภายในต้นเดือน ก.ย ไม่เกินกลางเดือน ก.ย.รัฐบาลชุดใหม่จะสามารถทำหน้าที่ได้
แน่นอนอว่า “ครม.แพทองธาร1” ย่อมรู้ดีถึงบทเรียน จาก “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีตั้ง“พิชิต ชื่นบาน”เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญประทับตราเมื่อวันที่14ส.ค.ที่ผ่านมา ด้วยคำว่า “ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ”
เป็นเช่นย่อมต้องจับตารัฐมนตรี “กลุ่มเสี่ยง”ที่ต้องถูกสแกนเข้มข้นเป็นพิเศษทั้งกรณี “ธรรมนัส พรหมเผ่า” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งถูกคาดหมายจะได้นั่งกระทรวงเดิมคือรมว.เกษตรและสหกรณ์ ทว่าด้วยประเด็นคุณสมบัติจากกรณีเคยต้องคำพิพากษา
ล่าสุดจึงมีความเคลื่อนไหวส่งชื่อ “ดร.แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตปรึกษานายกรัฐมนตรี และผู้แทนการค้าไทย ในรัฐบาลเศรษฐาเข้าไปทำหน้าที่แทน ที่จะมานั่งรัฐมนตรีแทน สอดคล้องกับความเคลื่อนไหว “นฤมล” ที่ได้เข้าไปกรอกประวัติที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.)เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ต้องจับตาไปที่ “ว่าที่รัฐมนตรี” อย่างน้อย4คน ที่อาจถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะต้องถูกตรวจสอบคุณสมบัติเข้มข้นเช่นเดียวกัน
คนแรก ชาดา ไทยเศรษฐ์ รักษาการรมช.มหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย ถูกเสนอชื่อในตำแหน่งเดิม
ในส่วนของ “ชาดา” ก่อนหน้านี้ถูกมอบหมายจาก “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รับผิดชอบในส่วนของการปราบปรามผู้มีอิทธิพล
ทว่าช่วงที่ผ่านมาเขากลับถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงกรณีคนใกล้ตัวปรากฎชื่อเชื่อมโยงกับผู้มีอิทธิพล
จะว่าไปปมปัญหาเรื่องคุณสมบัติของ “ชาดา” ก็เคยเกิดขึ้นเมื่อปี2562 ช่วงตั้งรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งมีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำ
เดิมที“ชาดา”ถูกจัดอยู่ในลิสต์ภูมิใจไทยในฐานะผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี แต่ถูกตีกลับโดย“บิ๊กรัฐบาล”เวลานั้น จนทำให้“ภูมิใจไทย”ต้องเปลี่ยนตัวจาก “ชาดา” เป็น มนัญญา ไทยเศรษฐ์ น้องสาว แทน
ทว่าในยุค “รัฐบาลเศรษฐา” อาจด้วยสัญญาณหรือเงื่อนไขอะไรหลายๆอย่าง “ชาดา” กลับได้เข้าวินนั่งรมช.มหาดไทยในยุคที่สิงห์สีน้ำเงินคุมกระทรวงคลองหลอดแบบเบ็ดเสร็จ
แม้เวลานี้ “แกนนำสีน้ำเงิน” จะยังคงยืนยันและมั่นใจว่ารัฐมนตรีภูมิใจไทยจะเป็นคนเดิมทั้งหมด
แต่ก็เหมือนอย่างที่ “อนุทิน” บอก เจ้าตัว(รมต.ภูมิใจไทย)ก็มีหน้าที่ชี้แจง หากชี้แจงได้ก็จบไป ถ้าชี้แจงไม่ได้ก็ต้องเป็นไปตามเกณฑ์ ที่นายกรัฐมนตรีตั้งไว้
ยิ่งไปกว่านั้น ในส่วนของโควตารัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทย ต้องจับตา “คลื่นสีน้ำเงิน” ที่เวลานี้อาจกำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง
น่าสนใจว่า หากรอบนี้ “ชาดา” ติดปมปัญหาคุณสมบัติผู้ที่จะมีเป็นรัฐมนตรีแทนจะไม่ใช่ “มนัญญา” น้องสาวเหมือนสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากเจ้าตัวเตรียมลงชิงนายกอบจ.อุทัยธานี
ยิ่งในยามที่ “สัมพันธ์พี่น้อง” ถูกจับตาว่าแปรเปลี่ยนไปมากน้อยเพียงใดหลังมีข่าวปล่อยออกมาเมื่อวันที่25ส.ค. “ชาดา” เตรียมให้ “เผด็จ นุ้ยปรี”นายกอบจ.อุทัยธานีคนปัจจุบัน ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเตรียมลงเลือกตั้งใหม่แข่งกับ“มนัญญา”น้องสาว
แถมฝั่ง “มนัญญา” ยังยอมรับว่า กรณีชาดาสั่งไม่ให้นักการเมืองท้องถิ่นช่วยตนหาเสียงเป็นความจริง ซึ่งตนก็ได้ลงพื้นที่หาเสียงมาเป็นช่วงเวลาหนึ่งแล้ว
เช่นนี้ต้องจับตาจับหวะก้าวย่างหลังจากนี้ที่อาจได้เห็นสัญญาณอะไรต่อมิอะไรอีกเรื่อยๆ
ถัดมาในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ เสนอชื่อรัฐมนตรีหน้าใหม่คือ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ นั่งรมว.อุตสาหกรรม ยังต้องลุ้นคุณสมบัติ จากกรณีเคยต้องคำพากษาหรือรับโทษจำคุกในคดีการชุมนุมกปปส.
แม้ล่าสุดศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2567 ที่ผ่านมายกฟ้อง “เอกนัฏ” แต่ก็ยังมีข้อถกเถียงอยู่ว่า คำว่า “เคย” ต้องคำพิพากษา จะเป็นปัญหาอุปสรรคต่อการขึ้นแท่นเสนาบดีของ “เลขาขิง” หรือไม่ อย่างไร
ประเด็นนี้มีข้อต่อสู้มาจาก “อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี” สมาชิกรทสช.ป้ายแดง ซึ่งถูกจับตาว่าถูกดึงตัวมาช่วยดูเรื่องกฎหมาย พูดถึงข้อหักล้างในประเด็นนี้ว่า กฎหมาย วิ.อาญามาตรา 15 ประกอบวิ.แพ่ง มาตรา 145 วรรค 1 ได้วางหลักว่า คำพิพากษาหรือคำสั่งให้ถือว่าผูกพันคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาหรือมีคำสั่ง นับตั้งแต่วันที่ได้พิพากษาหรือมีคำสั่ง จนถึงวันที่คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นได้ถูกเปลี่ยนแปลง แก้ไข กลับหรืองดเสีย ถ้าหากมี
ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษา ยกฟ้อง “เอกนัฏ” แล้ว เมื่อพิจารณาตามข้อกฎหมาย หากยังไม่มีคำพิพากษาของศาลฎีกาเห็นเป็นอย่างอื่นออกมา “เอกนัฏ” เป็นผู้บริสุทธิ์และไม่เคยต้องคำพิพากษาจำคุกมาก่อน
ไม่ต่างจาก “ประชาธิปัตย์” นาทีนี้ชัดเจนแล้วว่า กำลังจะแปรสภาจากพรรคร่วมฝ่ายค้านเป็นพรรคร่วมรัฐบาลป้ายแดง แถมได้โควตารัฐมนตรี “1 ว่าการ 1 ช่วย”
มีการคาดการณ์ว่า น่าจะเป็นรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตำแหน่งเดิมของ “สายบ้านป่า” โดยตำแหน่งนี้จะเป็นของ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค
ขณะที่อีก1รมช. ซึ่งถูกจับตาไปที่รมช.สาธารณสุขตำแหน่งเดิมของ “สันติ พร้อมพัฒน์” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คาดว่า “นายกชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค จะมานั่งตำแหน่งนี้ หรือ บางกระแสบอกว่า ปชป.แสดงเจตจำนงว่าอยากนั่งรมช.มหาดไทย
ทว่าในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ เวลานี้ถูกตั้งคำถามถึงความสุ่มเสี่ยประเด็นจริยธรรม
ทั้ง “เสี่ยต่อ” ที่เคยมีกรณีคนใกล้ชิด ทั้งเลขาฯส่วนตัว และ “หลี่ เซิ่ง เจียว” หรือ “เฮียเก้า” นายกสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชีย รวมถึง “ลูกชาย”คือ “เจิ้ง เจียว ลี่” หรือ “กรินทร์ ปิยพรไพบูลย์” ซึ่งนามสกุลเดียวกันกับ “วิรัช ปิยพรไพบูลย์” พี่ชายแท้ๆของของ“เฉลิมชัย มีชื่อเชื่อมโยงคดี“ตีนไก่เถื่อน”
แถมมีการเชื่อมโยงว่า “เฮียเก้า” เป็นลูกพี่ลูกน้องของเฉลิมชัย แม้ก่อนหน้าเจ้าตัวจะออกมายืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว แต่ในห้วงที่มีการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี แน่นอนว่าประเด็นดังกล่าวถุกขุดคุ้ยขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง
ไม่ต่างจาก “นายกชาย” ที่เคยมีภาพถ่ายร่วมเฟรมกับ “โทนี่ เตียว” ผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน รวมถึงกรณีพี่สาวและเครือญาติ โดนคดีบุกรุกโบราณสถานเขาแดง จ.สงขลา แน่นอนว่า การขึ้นแท่นรัฐมนตรีป้ายแดงและเป็นรัฐมนตรีครั้งแรกในชีวิต ของนายกชาย ย่อมหนีไม่พ้นการสแกนคุณสมบัติที่เข้มข้นไม่แพ้กัน
ในส่วนของ “ชาดา” และ “เดชอิศม์” ต้องจับตาสัญญาณหลังการพบกันระหว่าง “2แคนดิเดตรัฐมนตรี” และ “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่เพื่อไทย ในงานดินเนอร์ทอร์ค “Vision For Thailand” จัดโดย “เนชั่น กรุ๊ป” เมื่อวันที่22ส.ค.ที่ผ่านมาที่ปรากฎซีนชื่นมื่น ระหว่าง“3บิ๊กเนม” ยังไม่นับรวมดีลนอกรอบอื่นๆจะเป็นสัญญาณที่นำไปสู่ใบเบิกทางหลังจากนี้หรือไม่
ต้องไม่ลืมว่า ผลพวงจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่14ส.ค.ที่ผ่านมา ได้วางมาตรฐานจริยธรรมไว้สูงลิบ ไม่ว่าจะเป็นการหยิบยกรัฐธรรมนูญที่วางกลไกป้องกัน ตรวจสอบ ขจัดการทุจริตเพื่อมิให้ผู้บริหารใช้อำนาจตามอำเภอใจ และทุกการตัดสินใจมีผลกระทบต่อบ้านเมือง จึงต้องมีความรับผิดชอบในทุกการกระทำ
หรือแม้แต่พฤติกรรมของ “อดีตนายกฯเศรษฐา” ซึ่งศาลชี้ว่า รู้ถึงข้อเท็จจริงโดยตลอดแล้ว แต่ยังคงเสนอให้แต่งตั้ง ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ กระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม
เป็นเช่นนี้แน่นอนว่า พรรคเพื่อไทยย่อมรู้ดีถึงบทเรียนที่เกิดขึ้น จำต้องเตรียมแผน1 แผน2อย่างรัดกุม
เพราะหากรัฐบาลที่มี “แพทองธาร”เป็นผู้นำเกิดเพลี้ยงพล้ำอีกรอบ ย่อมกลายเป็นเกมเข้าทางพรรคการเมืองบางพรรค ในการชิงจังหวะขึ้นนำ พร้อมเปลี่ยนตัว “ผู้นำ” ทันที
ว่ากันว่าเวลานี้เริ่มมีความเคลื่อนไหวจากบรรดา “ฝ่ายค้าน” หรือ “ฝ่ายแค้น” ที่ไม่สมหวังในการเดินเกมทั้งบนดินและใต้ดิน ด้วยการส่งคนไปยื่นองค์กรอิสระเพื่อตรวจสอบ“ว่าที่รัฐมนตรีป้ายแดง” หรือการแอบส่งข้อมูลให้ฝ่ายตรงข้ามเพื่อเอาคืนหลังจากนี้อีกด้วย
แถมล่าสุดยังมีกรณีที่“มือมืด”ไปยื่นคำร้องต่อกกต.เพื่อยุบพรรคเพื่อไทย โดยในคำร้องอ้างไทม์ไลน์แบบละเอียดยิบถึงการปรากฎตัวของ“ทักษิณ”หลายกรรมหลายวาระที่อาจเข้าข่ายครอบงำพรรค
เป็นเช่นนี้ย่อมต้องจับตาในห้วงที่ “นายใหญ่” เพื่อไทยออกสู่หน้าฉากแบบเต็มรูปแบบ ไม่ต่างจาก “นายน้อย” ที่กำลังขึ้นแท่นนายกรัฐมนตรีแบบเต็มตัว100% ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่สารพัด“เกมเอาคืน”ตามไล่หลังมาติดๆเช่นเดียวกัน!!