แกะรอย‘มือมืด’ ยื่นยุบเพื่อไทย เกมไล่ล่า ‘ครอบงำ-ครอบครอง’
การเมืองฝุ่นตลบสารพัดดีลลับ-ดีลลวง ถอดรหัสมือมืดยื่นยุบพรรคเพื่อไทย สัญญาณใคร? เอาคืน "ทักษิณ-แพทองธาร-เพื่อไทย" ครอบงำ-ครอบครอง?
KEY
POINTS
- จังหวะเอาคืน “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ปริศนาตัวละครลับ ยื่น “ยุบพรรคเพื่อไทย”
-
ไม่มีการปรากฎชื่อผู้ร้อง ลักษณะคล้ายบัตรสนเท่ห์โอกาสที่ กกต.จะ “ตีตก” แทบไม่ต้องลุ้น ทว่า ในความเป็นจริง กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ว่ากันว่า“นักร้อง”ที่ไปยื่นกกต.ขอใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารทางราชการ
-
ว่ากันว่า “นักร้อง” ที่ไปยื่นคำร้องต่อกกต.ไม่ใช่ “นักร้อง(เรียน)รายวัน” ประเภท“แสงดับ” แต่เป็นบุคคลที่เคยยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีที่เกี่ยวกับการชุมนุมกลุ่มคนรุ่นใหม่ รวมไปถึงคดีที่เกี่ยวข้องกับ “พรรคส้ม” ในอดีต ตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม
-
เนื้อหาในคำร้องที่มีการบรรยายพฤติกรรมของอดีตนายกฯ หลายกรรมกลายวาระ ดูเหมือนจะมีการเก็บข้อมูลมาเป็นระยะ จะด้วยการรวบรวมข้อมูลด้วยตนเองทั้งหมด หรือมีใครชี้ช่องหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าขบคิด
-
การเมืองยังฝุ่นตลบจากสารพัดดีลลับ-ดีลลวงในเวลานี้ ก็อาจเป็นจังหวะเดียวกันกับที่สารพัด“เกมเอาคืน”ไล่ตามมาติดๆ
เกมยุบพรรคไล่ล่า จังหวะเอาคืน “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี นายใหญ่ และพลพรรคเพื่อไทย กำลังตามไล่หลังมาเป็นระยะ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ “ครม.แพทองธาร 1” กำลังจะได้เห็นโฉมหน้าในเร็ววัน
ล่าสุด กรณีเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ส่งหนังสือร้องเรียนไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ขอให้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้มีคำสั่ง “ยุบพรรคเพื่อไทย” เช่นเดียวกับที่ กกต. เคยยื่นเรื่องให้ “ยุบพรรคก้าวไกล”
โดยอ้างคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และไม่ต้องสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งเป็นหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคเพื่อไทยยินยอมให้บุคคลที่ไม่ใช่สมาชิก ชี้นำกิจกรรมของพรรค อันเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้อง
ในคำร้อง ยังบรรยายพฤติกรรมของ “นายใหญ่”เพื่อไทย ที่ปรากฎตัวทั้งออนไลน์และออฟไลน์ พูดคุยกับสมาชิก รวมถึงระดับ“คีย์เมกเกอร์” หลายกรรม หลายวาระ
เวิร์ดดิ้งสำคัญ อยู่ตรงคำร้องที่ระบุว่า ข้อเท็จจริงดังกล่าว เป็นฐานแห่งข้อเท็จจริงที่สำคัญ ทำให้เห็นถึงการยินยอมของ “นายเศรษฐา ทวีสิน” ให้ผู้อื่น (นายทักษิณ ชินวัตร) ใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของตน เพื่อกระทำการโดยมิชอบ และทำให้เห็นว่า “นายทักษิณ ชินวัตร” มีเจตนาชี้นำผ่าน“นายเศรษฐา ทวีสิน” ไปยังพรรคเพื่อไทย เนื่องจากการเสนอบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย “นายเศรษฐา ทวีสิน” ไม่มีอำนาจดำเนินการได้โดยลำพัง
ท่วงท่าของ “ทักษิณ”ที่พกความมั่นอกมั่นใจ ในทำนองอยากยื่นก็ยื่นไป หรือก่อนหน้า ที่พูดถึงประเด็นการครอบงำพรรคเพื่อไทย รวมถึงการทำงานของรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ลูกสาวคนเล็ก“ไม่ได้ครอบงำ แต่ครอบครอง”
เหนือไปกว่านั้น มีการตั้งข้อสังเกตว่า คำร้องดังกล่าว ไม่มีการปรากฎชื่อผู้ร้อง จะเป็นคำร้องลอยๆ ลักษณะคล้ายบัตรสนเท่ห์หรือไม่ หากเป็นเช่นนี้แน่นอนว่า โอกาสที่ กกต.จะ “ตีตก” ไม่รับคำร้องดังกล่าวไว้พิจารณาแทบไม่ต้องลุ้น
ทว่า ในความเป็นจริง กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ว่ากันว่า“นักร้อง”ที่ไปยื่นกกต.ขอใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารทางราชการในปกปิดชื่อ ที่อยู่ เพื่อเป็นการคุ้มครองความปลอดภัย
สังเกตจากเห็นรายละเอียดในคำร้องตั้งแต่หน้าแรก และหน้าสุดท้าย ผู้ร้องท่านนี้เขียนว่า ข้าพเจ้า(สงวนชื่อ-นามสกุล )
อีกทั้งผู้ร้องได้แจ้งที่อยู่จริงต่อพนักงาน กกต.แล้ว เพียงแต่ขอใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารทางราชการ จึงถือว่า กระบวนการยื่นคำร้องถูกต้อง
ขั้นตอนต่อไป ก็อยู่ที่ฝ่ายธุรการ จะส่งต่อให้เลขาธิการ กกต.พิจารณา เสนอเข้าสารบบการรับเรื่อง ส่วนคำร้องดังกล่าว กกต.จะรับหรือตีตก ถือว่าเป็นขั้นตอนต่อไป จึงต้องลุ้นการพิจารณาของกกต.หลังจากนี้
ว่ากันว่า “นักร้อง” ที่ไปยื่นคำร้องต่อกกต.ไม่ใช่ “นักร้อง(เรียน)รายวัน” โนเนม หรือประเภท“แสงดับ” ต้องการหาแสงแต่อย่างใด
แต่เป็นบุคคลที่เคยยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีที่เกี่ยวกับการชุมนุมกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีข้อเรียกร้องให้ล้มเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 รวมไปถึงคดีที่เกี่ยวข้องกับ “พรรคส้ม” ในอดีต ย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม
อีกทั้งก่อนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถอดถอนนายกฯ “นักร้อง”คนนี้ ยังออกมาฟันธงล่วงหน้าว่า “รัฐบาลเศรษฐาน่าจะพ้นหน้าที่”
สำหรับกรณีล่าสุดนี้ น่าสนใจว่าเนื้อหาในคำร้องที่มีการบรรยายพฤติกรรมของอดีตนายกฯ หลายกรรมกลายวาระ ดูเหมือนจะมีการเก็บข้อมูลมาเป็นระยะ จะด้วยการรวบรวมข้อมูลด้วยตนเองทั้งหมด หรือมีใครชี้ช่องหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าขบคิด
แม้ความเห็นอีกมุม ที่มองว่าคำร้องของนักร้องคนดังกล่าว มีโอกาส “ถูกตีตก”ตั้งแต่ชั้น กกต. เนื่องจากยังขาดการอ้างประจักษ์พยาน ที่เชื่อมโยงให้เห็นว่า “ทักษิณ”ครอบงำแทรกแซงเพื่อไทย
แต่จังหวะการปรากฎตัวของ“นายใหญ่เพื่อไทย”ในห้วงที่“แพทองธาร”ลูกสาวเป็นนายกฯจนถูกเปรียบเปรยว่าเป็น“นายกฯใหญ่-นายกฯน้อย”ก็อาจเป็นจุดเสี่ยง
แถมการเมืองยังฝุ่นตลบจากสารพัดดีลลับ-ดีลลวงในเวลานี้ ก็อาจเป็นจังหวะเดียวกันกับที่สารพัด“เกมเอาคืน”ไล่ตามมาติดๆ เช่นกัน!!