'ชวน' กรีดคนปชป. ไปขอร่วมรัฐบาล 'พท.' ก่อน ยืนยันไม่เห็นด้วย
"ชวน" ร่ายยาว ค้าน "ปชป." ร่วมรัฐบาล เพื่อไทย เชื่อมีคนของพรรคไปขอร่วมรัฐบาลก่อนถูกเทียบเชิญ ซัด "กก.บห." ปัจจุบันทำพรรคเสื่อมเสีย
ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยส่งเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล ว่า ส่วนตัวยืนยันในจุดยืนเดิมไม่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยตั้งแต่วันแรกของการตั้งรัฐบาลไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะไม่สามารถทรยศประชาชนได้ ซึ่งตนขอร้องประชาชนไม่ให้เลือกพรรคไทยรักไทย มาถึงพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เพราะความขัดแย้งส่วนตัว แต่เป็นเพราะพรรคเหล่านั้น ประกาศชัดเจนที่จะพัฒนาจังหวัดที่เลือกเขาก่อน ส่วนจังหวัดอื่นไว้ที่หลัง ซึ่งวิธีเหล่านี้เราไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมา 90 ปี ไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหน ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้ง หรือมาจากการยึดอำนาจ ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจะให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคอย่างยุติธรรมโดยไม่สนใจว่าใครจะเลือกใครเป็นรัฐบาล แต่จัดการบ้านเมืองด้วยความเป็นธรรม
"เรื่องการเลือกปฏิบัติ ตนต่อสู้มาเพียงลำพัง ด้วยการขอว่าอย่าเลือกเขานะ ไม่ได้ไปกลั่นแกล้งหรือทำร้ายอย่างที่นายราเมศ รัตนเชวง เคยถูกกระทำ ทำให้เขาได้รับเลือกน้อยมาก ไม่มีสส.ภาคใต้แม้แต่คนเดียว ซึ่งเป็นผลมาจากที่ตนรณรงค์ แล้ววันหนึ่งจะมาบอกให้ตนสนับสนุนพรรคที่ตนบอกว่าอย่าเลือก มันชัดเจนว่าไม่เป็นการทรยศชาวบ้านตนทำไม่ได้ จึงขอยืนยันว่าแม้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีแต่จุดยืนยังเหมือนเดิม" นายชวน กล่าว
เมื่อถามว่าหากมติของพรรคประชาธิปัตย์ในวันพรุ่งนี้ (29 ส.ค.) เห็นด้วยในการร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย นายชวน กล่าวว่า คงไม่ใช่การเห็นด้วย เพราะติดต่อกันแล้ว ที่ถามว่าเขามาเชิญ ความจริง ตนคิดว่าคนของเราไปติดต่อเขาก่อนเขาเชิญ หรือสงสัยว่าไปขอให้เขามาเชิญด้วยซ้ำ แต่ตามมารยาทหากเชิญด้วยวิธีนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลก
"ก่อนหน้าจะมีหนังสือเชิญคนของเราบางคนประสานติดต่อ จึงถูกสื่อมวลชนเรียกว่าพรรคอีแอบ พรรครอเสียบ จึงอยากขออย่าเรียกพรรคประชาธิปัตย์แบบนี้ เพราะเป็นพฤติกรรมของคนส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ การเลือกแบบนี้ทำให้พรรคเสื่อมเสีย อยากปกป้องเกียรติภูมิของพรรค เราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้คนใดคนหนึ่งได้เป็นนายกอยู่สัก 1- 2 สมัยแล้วล้มไป แต่พรรคประชาธิปัตย์อยู่มาเกือบ 80 ปี ปฏิบัติตามอุดมการณ์ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นหลักประชาธิปไตยมาอย่างยาวนาน ไม่อยากให้เสื่อมเสียด้วยการกระทำของกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบัน" นายชวน กล่าว
นายชวน กล่าวยอมรับว่าตนเองเป็นเสียงข้างน้อยในพรรคประชาธิปัตย์ แต่ตนได้หารือกับนายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ และนายสรรเพชญ บุญญามณี ว่าอย่างน้อย 4 คน จะยังคงยืนยันในจุดยืนเดิม แต่ไม่ว่ามติของพรรคเป็นอย่างไรพร้อมเคารพ เพียงแต่ไม่เห็นด้วยที่จะร่วมกับพรรคการเมืองที่เคยกลั่นแกล้งประชาชน และเชื่อว่าการตัดสินใจร่วมรัฐบาลในครั้งนี้จะส่งผลต่อฐานเสียงภาคใต้ไม่น้อย
เมื่อถามว่ากรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลเพื่อไทยอาจสูญพันธุ์ นายชวน กล่าวว่า ความดีของพรรคยังมีอยู่ ผลงานก็มี แต่คนไม่ค่อยพูดถึง แต่คนที่รู้เขาจะยังระลึกถึง แต่คงต้องใช้เวลาในการพัฒนาพรรคให้กลับมาน่าเชื่อถือเหมือนเดิม เพราะในสมัยก่อนไม่เคยคิดว่าจะต้องร่วมรัฐบาลทุกครั้ง ไม่จำเป็นต้องไปเหมาไปซื้อพรรคเพื่อเป็นเสียงข้างมากเหมือนอย่างในสมัยของนายทักษิณ ชินวัตร ทำ แต่เข้าใจว่านักการเมืองรุ่นหลังไม่คิดที่จะเติบโต คิดเพียงว่าจะเป็นรัฐมนตรีสัก 2-3 คน ก็พอแล้ว แต่พรรคประชาธิปัตย์ดั้งเดิมเขาไม่คิดอย่างนี้คิดแต่จะสร้างพรรคให้ใหญ่ เพื่อแกนนำเป็นรัฐบาล
"พรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของบ้านเมือง ที่ควรจะทำ บทบาทตัวเองให้มีเกียรติมีศักดิ์ศรีและมีประโยชน์ต่อบ้านเมือง การเป็นรัฐบาลก็ดีได้พัฒนาประเทศ แต่ถ้าถึงขนาดเสียศักดิ์ศรีไปเป็นรัฐบาล การเป็นฝ่ายค้านก็ไม่เสียหาย" นายชวน กล่าว
เมื่อถามว่าคนรุ่นใหม่มองว่าหมดยุคของลุงชวนแล้ว นายชวน กล่าวว่า ไม่มีกำหนดอายุ มีคนคิดเหมือนกันว่าตนเป็นขวากหนามของเขา ทำให้ไปร่วมรัฐบาลไม่ได้ จึงพยายามพูดว่าหมดยุคของผู้อาวุโส แต่ในความจริงแล้ว ตนเป็นผู้สร้างมากกว่าผู้ทำลาย และคนที่พูดเหล่านั้นอาศัยบารมีพรรคที่พวกตนทำเอาไว้ แต่คนเหล่านั้นยังไม่เคยทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับพรรคเลย เพียงแต่อาศัยชื่อพรรคเพื่อเข้ามาเป็นนักการเมือง
"ผมได้ยินเรื่องนี้แต่ไม่ได้โกรธ แม้กระทั่ง เรื่องที่ จะขับพ้นออกจากพรรค ก็มาดูว่าใครเป็นคนพูดพอทราบก็เข้าใจเพราะเขาก็เพิ่งเข้าพรรคมาอาศัยบารมีของพรรคที่คนรุ่นก่อนเขาสะสมสร้างมา"นายชวน กล่าว
นายชวน กล่าวต่อว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 10 ยังไม่ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้พรรคเท่ากับรุ่นก่อน ดังนั้น ใครที่คิดจะปลดต้องดูกฎหมายไม่ได้กำหนดอายุ ตนยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ ตนกลายเป็นคนหัวคัดค้าน ทั้งที่มีหลายคนไม่เห็นด้วยแต่เขาไม่อยากเปลืองตัว เป็นการกระทำของคนบางกลุ่ม ทำให้คนทั่วไปยังเข้าใจว่า ประชาธิปัตย์โดยทั่วไปยังพอใช้ได้อยู่ เพียงแต่คนบางกลุ่มเท่านั้นที่เข้ามา ใช้ตำแหน่งในพรรคเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งคนกลุ่มนั้นไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับตน จนพยายามจะบอกว่าขัดแย้งมาแล้ว 20 ปี จึงอยากถามว่าขัดแย้งเรื่องอะไร ไม่ได้ทะเลาะเพื่อประโยชน์ส่วนตัวกัน แต่เป็นเรื่องของประชาชน
เมื่อถามว่าเลือกตั้งครั้งหน้าจะลงเลือกตั้งหรือไม่ นายชวน ระบุว่ายังยืนยันไม่ได้.