วาง 2 แสนให้ประกัน 8 จำเลยคดีบอส ห้ามออกนอก ปท. 'สมยศ' เชื่อได้รับความยุติธรรม
ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ให้ประกัน 8 จำเลยพันปมเปลี่ยนความเร็วรถ 'คดีบอส' ใช้หลักทรัพย์ 2 แสนบาท ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ หลังถูกอัยการฯนำตัวส่งฟ้อง 'สมยศ' รับกังวล ไม่สบายใจ แต่คดีอยู่ในชั้นศาลแล้ว เชื่อได้รับความยุติธรรม
เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2567 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง นายสุเวช จอมพงค์ อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 นำสำนวนที่อัยการสูงสุด (อสส.) มีคำสั่งฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด กับพวกรวม 8 คน มายื่นฟ้องต่อศาลในคดีเปลี่ยนเเปลงความเร็วจนเป็นเหตุกลับคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ "บอส" ที่ขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2555
วันนี้จำเลยทยอยเดินทางมาศาลพร้อมทนายความ โดย พล.ต.อ.สมยศ ให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นศาลว่า วันนี้ตัวเองได้มอบหมายให้ทนายความดำเนินการตามขั้นตอน
เมื่อถามว่ามั่นใจในพยานหลักฐาน ที่นำมาก่อนหน้านี้ไหม พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า พยายามทำดีที่สุดแล้วยอมรับว่ากังวล และไม่สบายใจ สำหรับทุกคนที่มีเรื่องต้องต่อสู้ในชั้นศาลเพื่อพิสูจน์ความจริงในการต่อสู้คดี เพราะทุกคนหากเมื่อถูกดำเนินคดี เป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีความกังวล แต่ทุกอย่างจะต้องพิสูจน์ในชั้นศาล เรื่องทั้งหมดกำลังจะเข้าสู่กระบวนการชั้นศาล ไม่ขอ วิพากษ์วิจารณ์หรือคอมเมนต์ใด ๆ เนื่องจากเป็นการก้าวก่ายและเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ส่วนหลักฐานที่ต่อสู้กันมาในชั้นสอบสวนตนเองไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด
ขณะที่นายสุเวช จอมพงค์ อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 กล่าวว่า นำสำนวนที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง พล.ต.อ.สมยศกับพวกรวม 8 คนมายื่นฟ้องต่อศาล โดยข้อหาที่ฟ้องคือความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 วันนี้ไม่ได้มีการคัดค้านการปล่อยชั่วคราว เพราะทุกคนก็มีที่อยู่เป็นหลักเเหล่ง ขอให้เป็นดุลพินิจของศาล ทราบว่าจำเลยน่าจะมาครบ สำนักงานอัยการคดีปราบปรามการทุจริต 1 เป็นผู้รับผิดชอบสำนวน
นายสุเวช กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ถูกดำเนินคดีในข้อหาที่แตกต่างกัน แบ่งเป็นแต่ละประเด็น ส่วนแรกคือการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการ เปลี่ยนแปลงความเร็วรถ อีกส่วนคือการดำเนินคดีกับอดีตรองอัยการสูงสุดในเรื่องการสั่งคดี และผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเป็นพยานของคดีนี้ คดีดังกล่าว ป.ป.ช. มีมติส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด หากอัยการสูงสุดเห็นด้วยและมีคำสั่งฟ้องอัยการสูงสุดก็จะเป็นโจทก์ฟ้องเอง
สำหรับกระบวนการในวันนี้นั้น นายสุเวช กล่าวว่า อัยการจะตรวจสำนวนทั้งหมดว่าจำเลยมาครบทั้งหมดหรือไม่ ถ้ามาครบทุกคนอัยการก็จะยื่นฟ้องทันที แต่หากมาไม่ครบก็ต้องแยกสำนวนในการฟ้องภายหลัง เมื่อฟ้องแล้วศาลจะนัดสอบคำให้การของผู้ต้องหา หลังจากนั้นจะนัดตรวจพยานหลักฐานเพื่อนัดวันสืบพยานและกำหนดตัวพยาน ซึ่งตอนนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการฟ้อง จะต้องมีการไต่สวนพยานของแต่ละฝ่าย ซึ่งในขั้นตอนนี้ศาลสามารถเรียกสอบพยานและหลักฐานมาไต่สวนเพิ่มเติมได้เนื่องจากศาลอาญาคดีทุจริตฯเป็นระบบไต่สวน
สำหรับคดีนี้เป็นคดีแรกที่ตนเข้ามารับผิดชอบ แต่จะเป็นการฟ้องอดีต ผบ.ตร.คนแรกในรอบหลายสิบปีหรือไม่ตนไม่ทราบ และหากกระบวนการในชั้นศาลสิ้นสุดและมีผลเป็นลบต่อจำเลยเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี การติดตามตัวก็จะเป็นหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับอัยการ ส่วนการประกันตัวทราบว่ามีถิ่นที่อยู่และเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และไม่มีพฤติกรรมหลบหนี ในส่วนที่ ปปช.ยื่นสำนวนมา และมีการทำข้อไม่สมบูรณ์เป็นกระบวนการเพราะทางอัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริตฯเรามองว่ามีข้อไม่สมบูรณ์ก็ส่งให้อัยการสูงสุดซึ่งเป็นผู้มีอำนาจเป็นผู้พิจารณา เเม้อัยการปราบปรามการทุจริตฯจะทำข้อไม่สมบูรณ์ไปก็เป็นอำนาจของอัยการสูงสุด โดยคำฟ้องในวันนี้มี 19 หน้า
ล่าสุด ภายหลังศาลพิจารณาคําฟ้องของพนักงานอัยการที่ได้ยื่นพยานหลักฐานเอกสารต่างๆ จํานวน 9 ลัง 30 แฟ้ม มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีดังกล่าวและนัดสอบคําให้การในวันที่ 10 ก.ย. 2567 เวลา 09.30 น. ขณะที่ผู้ต้องหา 8 คน ได้ยื่นขอประกันตัวในชั้นศาล โดยใช้หลักทรัพย์ 200,000 บาท ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นได้รับอนุญาตจากศาล
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวสั้น ๆ ก่อนเดินทางกลับว่า หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของทนายความ คดีอยู่ในอำนาจศาลเเล้วก็ต้องให้เกียรติศาล เชื่อว่าจะได้รับความยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ถูกกล่าวหา 8 ราย ได้แก่
- พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1
- พล.ต.ท.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5
- พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7
- นายเนตร นาคสุข ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10
- นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9
- นายธนิต บัวเขียว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 12
- นายชูชัย หรือพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 13
- รองศาสตราจารย์ ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 19