ภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรีใหม่ แพทองธาร
การขาดประสบการณ์ทางการเมือง ทั้งการคลุกคลีกับประชาชนและการขาดประสบการณ์ในชีวิต ส่งผลให้ภาพของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ผู้นำใหม่ขาดความมั่นใจเมื่อสื่อสารกับสาธารณะ
นั่งดูถ่ายทอดการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครต เพื่อเสนอชื่อผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีเมื่อวันก่อน เห็นการเตรียมพร้อมทั้งเวที การจัดงาน คิวงาน การตระเตรียมผู้คน
เชื่อว่าทำให้ผู้ติดตามเกิดความประทับใจเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะสปีชจากบุคคลสำคัญทั้งเก่าและใหม่ของพรรค ทั้งเนื้อหา ท่วงที การปลุกเร้า การถล่มจุดอ่อนของคู่แข่ง ประเด็นหลัก ประเด็นรอง การใช้คีย์เวิร์ดที่ทำให้คนจดจำและมีอารมณ์ร่วมพอที่จะเห็นภาพอนาคตของประเทศ รวมทั้งการปลุกระดมความร่วมมือร่วมใจ ที่สุดท้ายแล้วจะนำไปสู่คะแนนเสียงในวันเลือกตั้งจริง
การปรากฏตัวบนเวทีของคนระดับผู้นำ ทั้งปัจจุบันและอดีตของพรรคนั้นผ่านการเตรียมการมาอย่างดี อย่าคิดว่าคนที่เจนเวทีอย่างนี้จะไม่เตรียมตัว
ที่ปรึกษาส่วนตัวนอกจากเตรียมสปีชที่กระชากใจแล้ว ยังต้องมีการฝึกซ้อมกันอย่างหนัก ทั้งจังหวะการพูด การใช้ภาษากาย การเล่นกับมุมกล้อง การมีท่อนฮุคให้คนมีส่วนร่วม ไปจนกระทั่งการแต่งตัว
ต้องวางแผนมาอย่างดี จึงจะสร้างสปีชและการปรากฏตัวที่ทรงพลังท่ามกลางคนหลายหมื่นคนได้ ที่สำคัญกว่าสิ่งใดๆ คือการแสดงออกซึ่งภาวะผู้นำของคนพูดเองซึ่งต้องชัดเจน ที่ปรึกษาจะช่วยได้ก็เพียงเล็กน้อย
กลับมาดูนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของเรา ที่อายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย นอกเหนือจากการเข้าสู่ตำแหน่งแบบงงๆ แล้ว สิ่งที่น่าเป็นกังวลคือผู้นำของเราไม่ได้เตรียมตัวที่จะเข้ามาในตำแหน่งนี้
การเป็นลูกสาวอดีตนายกฯ และหัวหน้าพรรคตัวจริง ทางหนึ่งอาจจะคิดว่าเป็นแต้มต่อแบบไม่ต้องใช้ความพยายาม แต่ในทางกลับกันก็สร้างความคาดหวังที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับนายกฯ ที่มาจากลูกชาวบ้าน
ยิ่งกว่านั้นการขาดประสบการณ์ทางการเมืองทั้งการคลุกคลีกับประชาชนและการขาดประสบการณ์ในชีวิต เพราะไม่เคยทำงานเป็นชิ้นเป็นอันหรือที่ยากลำบากมาก่อน ย่อมทำให้ยากจะปะติดปะต่อสารพัดปัญหาที่เกิดในประเทศนี้ได้ ส่งผลให้ภาพของผู้นำใหม่ขาดความมั่นใจเมื่อสื่อสารกับสาธารณะ
ยิ่งกว่านั้นเนื้อหาของสารที่นายกฯ พยายามจะส่งถึงสาธารณะยังขาดพลังที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ยิ่งตอกย้ำความไม่น่าเชื่อถือในสายตาประชาชนมากขึ้น
ตัวอย่างหนึ่งคือการสื่อสารเมื่อเกิดภาวะน้ำท่วมหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ แทนที่จะเห็นนายกฯใหม่แสดงอาการจริงจังหรือลงมือแก้ความทุกข์ร้อนของชาวบ้าน กลับได้เห็นข้อความที่โพสต์ใน X ของเธอว่า “ดิฉันจะยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างกระบวนก่อนการเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ”
เหตุผลแบบนี้ไม่เพียงสร้างความผิดหวังให้ผู้คนแต่ยังนับเป็นความ “พลาด” ที่จะสร้างภาวะผู้นำให้ตัวเองอย่างน่าเสียดาย
ประชาชนย่อมรู้สึกว่ายากที่จะฝากชีวิตกับนายกฯ ในการแก้ไขปัญหาที่รุนแรงและเป็นเรื่องเฉพาะหน้า ซึ่งที่จริงสามารถทำอะไรได้ดีกว่านี้มากนัก สามารถสั่ง ส.ส.ของพรรคในพื้นที่ได้ทุกคน สำนักงานสาขาพรรคทุกจังหวัดก็มี ควรสั่งเปิดเป็นศูนย์ความช่วยเหลือหรือรับบริจาคในฐานะหัวหน้าพรรค
ถ้ากลัวว่าจะไม่สามารถทำได้ในฐานะนายกฯ อีกทั้งเงินทองส่วนตัวก็มีอยู่มากมาย หากจะไปนั่งสั่งการลูกพรรคในพื้นที่เลยก็จะสร้างภาพบวกได้ยิ่งขึ้น ควรแสดงออกว่ารู้จักที่จะตัดสินใจ คิดและทำเร็ว แค่นั่งหน้าจอแล้วโพสต์ข้อความหรือวาทะแบบเดิมๆ เพื่อส่งกำลังใจความห่วงใยนั้นไม่ช่วยทั้งสถานการณ์น้ำท่วมและภาวะผู้นำของตัวเอง
วาทะของผู้นำนั้นไม่จำเป็นจะต้องประดิษฐ์ให้หรูหราด้วยศัพท์แสงชั้นสูง ย้อนไปดูสปีชของ Tim Walz ผู้สมัครรองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต จะเห็นว่าเป็นสปีชที่แสนจะธรรมดา ตรงไปตรงมา แต่หนักแน่นมั่นใจ และแสดงออกด้วยความจริงใจทั้งสีหน้าลีลาท่าทาง
ด้วยเหตุที่ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาคนนี้เกิดและเติบโตในเมืองที่เป็นชนบทแท้ๆ และใช้ชีวิตแบบประชาชนคนธรรมดาโดยตลอด ความมั่นใจเกิดมาจากประสบการณ์และการคลุกคลีกับผู้คนในพื้นที่ จนทำให้สิ่งที่แสดงออกมานั้นแม้ไม่ต้องแต่งแต้มใส่จริต แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบที่ประชาชนคนธรรมดาสามารถเข้าถึงจับต้องได้
อีกอย่างหนึ่งที่ไม่เข้าใจทีมงานที่ปรึกษาของนายกฯ คนใหม่ คือการพยายามที่จะให้ผู้นำทำในสิ่งที่ดูอย่างไรก็ไม่สร้างสรรค์ ทั้งๆ ที่นายกฯ พยายามจะสื่อสารว่าเป็นคนรุ่นใหม่ แต่การจัดให้ไปผัดกับข้าวนั้นนับเป็นความพลาดที่สร้างความเชยและไม่ได้ช่วยอะไรชาวบ้านเลย
เพราะย้อนหลังไปยี่สิบสามสิบปี การลงไปช่วยชาวบ้านก็ยังเป็นการไปผัดกับข้าวอยู่นั่นเอง แทนที่จะเชิญทีมผู้เชี่ยวชาญเรื่องการบริหารจัดการน้ำมาประชุมหารือขอความรู้ ซึ่งน่าจะสร้างภาพการจัดการเชิงกลยุทธ์ได้ดีกว่าไปเดินลุยน้ำยกมือไหว้ชาวบ้านและผัดข้าวผัดเป็นไหนๆ
หากแม้นายกฯ ของเราจะไม่สามารถแสดงภาวะผู้นำให้ปรากฏด้วยขาดความรู้ ประสบการณ์ รวมถึงต้องอยู่ภายใต้เงื้อมเงาของใครบางคน ก็เป็นหน้าที่ของคณะที่ปรึกษาที่ต้องทำงานหนักขึ้น ต้องพิถีพิถันกับทุกข้อความสื่อสาร ทุกการแสดงออก และทุกสปีชที่ออกไปโดยเฉพาะเมื่อต้องอยู่บนเวทีโลก ต้องไม่มีข้ออ้างในความไร้ประสบการณ์และไร้การเตรียมการใดๆ
ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไรกับการสร้างภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ของเรา แต่การอ่านบทความนี้ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี.