นิติสงครามเกมแค้น‘ทักษิณ’ จับตาคดี 'ยุบเพื่อไทย-ถอดนายกฯ' เอาคืน
นิติสงครามเกมแค้น‘ทักษิณ’ จับตาคดี 'ยุบเพื่อไทย-ถอดนายกฯ' เอาคืน ปลุกกระแสเสื้อแดง-เสื้อเหลือง โค่นระบอบทักษิณภาค 2
KEY
POINTS
- "ทักษิณ ชินวัตร" เดินหมากผ่านการตั้ง ครม.แพทองธาร ชินวัตร จนสามารถชำระแค้นโจทย์เก่า ทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พรรคประชาธิปัตย์
- ทว่าเกมเช็คบิลกลับต้องมีค่าใช้จ่าย เพราะยิ่งสุมไฟในอกให้ "คู่แค้น" ยิ่งอาฆาตมากขึ้น แนวรวม "ลุงบ้านป่า" แนวรบเหลือง-แดง ต่างสามัคคีล็อคเป้าโจมตี "ทักษิณ"
- ต้องจับตา "นิติสงคราม" จากขั้วแค้น จะถูกหยิบมาใช้เป็นอาวุธ ถอนแค้นจาก "ทักษิณ" เช่นกัน
รัฐบาลผสมเสียง สส.สลายนิยาม “พรรคร่วมรัฐบาล” เปลี่ยนมาใช้สูตร “สส.ร่วมรัฐบาล” ตอบโจทย์การสางหนี้แค้นของ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร จัดตั้งรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว
ทางหนึ่งเขี่ย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกจากรัฐบาล ชำระแค้นเก่าจากปฐมบทตั้งแต่ปี 2548 ภายหลัง “บิ๊กป้อม” เปิดดีลของนั่งเก้าอี้ ประธาน ป.ป.ช. แต่ “เบอร์หนึ่งจันทร์ส่องหล้า” สั่งติดเบรก ทำให้ “บิ๊กป้อม” ต้องถอนตัวในรอบ 18 คนสุดท้าย ทั้งที่ตัวเต็งนั่งเก้าอี้ กรรมการ ป.ป.ช.
ฝั่ง “ทักษิณ” ปักษ์ใจเชื่อว่า “ประวิตร” เจ็บแค้นจากปมดังกล่าว จนวางแผนอยู่เบื้องหลังการรัฐประหารปี 2549 เกมพลิกขั้วตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปี 2551 และรัฐประหารปี 2557
ทางหนึ่งได้แก้แค้น “พรรคประชาธิปัตย์” พรรคคู่แค้น เปิดหน้า-เปิดตำรา รบกันมา 23 ปี แต่เมื่อ “พรรคสีฟ้า” เดินเข้าสู่ยุคของ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค แนวทางการเมืองเปลี่ยนไป การเข้าร่วมรัฐบาลจำเป็นอย่างมาก เพราะต้องเก็บ “กระสุน” ไม่สนใจเกม “กระแส”
ยิ่งคนเก่า-คนแก่ของ “พรรคประชาธิปัตย์” อาทิ “นายหัว” ชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ และลูกพรรคประชาธิปัตย์ ยุคเก่าออกมาโจมตี “เฉลิมชัย-เดชอิศม์” ยิ่งทำให้ “ทักษิณ” ชุ่มฉ่ำหัวใจ
ทว่าเกมแก้แค้นของ “ทักษิณ” ต้องแลกมาด้วยรายจ่ายเช่นกัน เพราะจะยิ่งสุมไฟในอกให้โกรธเคืองทวีคูณ จึงไม่แปลกหาก “ศัตรูคู่อาฆาต” จะจ้องเล่นงานโต้กลับ
หาก“ทักษิณ” ยังโลดโผนก็จะยิ่งเปิดปมเสี่ยงให้ “รัฐบาลแพทองธาร” จับสัญญาณ “คู่แค้น” วางเกมตอบโต้ “ทักษิณ” เอาไว้หลายปมเช่นกัน
เบื้องต้น “มือมืด” ชง กกต.ยุบพรรคเพื่อไทย หวังใช้แนวทางเดียวกับการยุบ “พรรคก้าวไกล” โดยอ้างคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และไม่ต้องสอบสวนเพิ่มเติม โดยอ้างคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ คดีถอนถอน “เศรษฐา ทวีสิน”
โดยในคำวินิจฉัยระบุไว้ว่า “เศรษฐา” ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 160 (5) มีการเข้าพบ “บุคคลอื่น” ซึ่ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นหัวหน้าทนายความประจำตัว จึงเป็นมูลเหตุจูงใจให้ “เศรษฐา” ต้องการเอื้อประโยชน์แก่คนดังกล่าว
คำว่า “บุคคลอื่น” ตามคำวินิจฉัยของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ย่อมหมายถึง “ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งไม่มีสถานะทางกฎหมายผูกโยงกับพรรคเพื่อไทย จึงถูกตั้งคำถามว่า เข้าข่ายครอบงำ “พรรคเพื่อไทย” หรือไม่
ล่าสุดแนวรบใหม่อย่าง “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ประเดิมงานฝ่ายค้าน ภายหลังแสดงจุดยืนถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ด้วยการเตรียมเปิดหลักฐานปม “นักโทษเทวดา” ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ชื่อ “ทักษิณ” ไม่ป่วยจริง
“ผมขอตัดสัมพันธ์นายทักษิณ คบมา 51 ปีแล้ว ทำได้แค่นี้ จะคบต่อไปทำไม หลังจากนี้ให้รอดู ป.ป.ช. จะเชิญผมไปให้ข้อมูลหรือไม่ ขอบอกเลยว่า จะต้องคิดคุกกันทั้งหมด ตั้งแต่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาการรมว.ยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผบ.เรือนจำ และแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ”
สารท้ารบจาก “เสรีพิศุทธ์” ถึง “ทักษิณ” แม้จะเคยรักกัน แต่การจัดตั้ง ครม.เศรษฐา-ครม.แพทองธาร “เสรีพิศุทธ์” มีหวังจะได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี แต่ต้องอกหักทุกรอบ หลังฉากการดีลยังไม่ถูกคอนเฟิร์มว่ามีการตกลงอะไรกันหรือไม่ แต่เมื่อแตกหักกันแล้ว ก็ต้องรบกันให้แพ้ชนะกันไปข้าง
เช่นเดียวกับการตรวจสอบหุ้นของ “แพทองธาร” โดย “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ สายตรงประวิตร ยื่นหนังสือร้องเรียนถึง กกต. เพื่อให้ตรวจสอบว่า “แพทองธาร” ได้มีหนังสือลาออกจากกรรมการบริษัทต่างๆ เมื่อวันที่ 15 ส.ค. จริงหรือไม่
พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดจึงจดทะเบียนกรรมการออกในวันที่ 19 ส.ค. หลังจากที่ได้รับแต่งตั้งเป็น “นายกรัฐมนตรี” เมื่อวันที่ 16 ส.ค. และกรณีดังกล่าวจะเข้าข่ายเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของ “นายกรัฐมนตรี” สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่
ยี่ห้อ “เรืองไกร” ตรวจสอบการถือหุ้นมาหลายครั้ง ย่อมรู้จุดอ่อนของการโอนหุ้น-ขายหุ้นเป็นอย่างดี และต้องไม่ลืมว่า “ประวิตร” ใช่จะสิ้นลายไปเสียทีเดียว ยังมีเครือข่ายฝังตัวอยู่ใน “องค์กรอิสระ” หลายแห่ง
นอกจาก “ทักษิณ-ตระกูลชินวัตร” แล้ว “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ หอบลูกทีมออกจากอ้อมอกของ “ประวิตร” มาเติมเสียงให้ “เพื่อไทย” รอวันถูกเช็คบิลเช่นกัน
คดีของ “ธรรมนัส” ในมือ ป.ป.ช. มี 4 คดี ประกอบด้วยคดีถูกร้องเรียนกล่าวหา เคยต้องคำพิพากษาของศาลออสเตรเลีย คดีหมายเลข 60449/94 และ 60434/94 ในข้อหานำเข้า - ค้ายาเสพติดโดยคดีถึงที่สุดให้จำคุกเป็นเวลา 6 ปี ปัจจุบันคดีดังกล่าวไม่มีความคืบหน้าออกมาว่า ป.ป.ช.ยังไต่สวนอยู่ หรือว่าตีตกไปแล้ว
คดีกิจการโรงแรมภูกลอง ภูกลองฮิลล์ ปั๊มน้ำมันสุวรรณเภรีออยส์ และสนามมวยสุวรรณเภรี แม้จะได้โอนหุ้นให้บุคคลอื่นแล้ว แต่มีพฤติการณ์ว่ายังคงประกอบกิจการดังกล่าว
คดีกรณีก่อสร้างฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่ ชื่อ ธรรมนัสฟาร์ม บนพื้นที่ ส.ป.ก. 4 - 01 จำนวน 200 กว่าไร่ และคดีกรณีขอให้ตรวจสอบ เกี่ยวกับการกักตุนและส่งออกหน้ากากอนามัยในช่วงโควิด-19 ระบาดหรือไม่
ตัวของ “ธรรมนัส” จึงอยู่ในสภาวะสุ่มเสี่ยงไม่น้อย จากคนที่เคยได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจาก “ประวิตร” เคยปกป้องในศึกล้ม “ประยุทธ์” แต่ต้องมาหักกันเพราะ “ทักษิณ” ความอาฆาตแค้นจึงทวีคูณ
ขณะเดียวกันต้องจับตาความขัดแย้ง “เหลือง-แดง” ที่มีเชื้อว่าอาจจะกลับมาปะทุอีกครั้ง เนื่องจากการดึง “ประชาธิปัตย์” เข้ามาร่วมรัฐบาล มีแฟนคลับ “เหลือง-แดง” ไม่พอใจ
ฝั่ง “คนเสื้อแดง” ไม่พอใจ “ทักษิณ” ย้อนอดีตการชุมนุมของกลุ่ม นปช. เมื่อปี 2553 ซึ่งมีผู้ชุมนุมต้องเสียชีวิต จากการสลายการชุมนุมของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์”
ฝั่ง “คนเสื้อเหลือง” ไม่ชอบ-ไม่ไว้ใจ “ทักษิณ” เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แม้จะมี “สีส้ม” มาเบรกอารมณ์ให้ระแวง “ทักษิณ” น้อยลง แต่การดึง “ประชาธิปัตย์” ร่วมรัฐบาล ทำให้แฟนคลับรับไม่ได้เช่นกัน
ว่ากันว่ามี “แกนนำ” ของกลุ่มคนเสื้อแดง-กลุ่มคนเสื้อเหลือง ไปรวมตัวกันที่บ้านของ “บิ๊กบราเธอร์” เพื่อระดมความคิดวางเกม-รอโอกาส เปิดเกมถล่ม “รัฐบาลแพทองธาร” เพื่อให้กระทบชิ่งไปยัง “ทักษิณ”
การบริหารของ “แพทองธาร” ภายใต้เงาของ “ทักษิณ” ไม่สะดวกโยธินอย่างแน่นอน แค่เริ่มตั้งรัฐบาลบรรดา “คู่แค้น-คู่อาฆาต” ระดมทุกสรรพกำลัง เปิดตำราทำ “นิติสงคราม” รอเอาไว้แล้ว
จากนี้ต้องจับตาหมากการเมืองทุกตัว และต้องอ่านเกมทั้งกระดาน เพราะเป้าหมายคือการโค่น “ระบอบทักษิณ”ภาค 2