'ชัยธวัช' ซัดตั้งรัฐบาลเหมือนแย่งชามข้าว แม้อาย แต่จำเป็นต้องทำ
'ชัยธวัช' ปราศรัยใหญ่จัดเต็มทิ้งทวนโค้งสุดท้ายหาเสียงชิงเลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรี ซัดประเทศไทยไม่เหมือนเดิม เมื่อการจัดตั้งรัฐบาล ฝ่ายที่เคยทะเลาะกันไปมา อ้างประชาชนมากมาย สุดท้ายแค่แย่งชามข้าว รวมหัวกันหมด
เมื่อคืนวันที่ 30 ส.ค. 2567 ที่ จ.ราชบุรี พรรคประชาชน ระดมแกนนำ สส. และผู้ช่วยหาเสียง ปูพรมหาเสียงทั่วทั้ง จ.ราชบุรี ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อน เลือกตั้ง นายก อบจ.ราชบุรี ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 ก.ย.นี้ โดยพรรคประชาชน ได้ส่งผู้สมัครคือ “ชัยรัตน์ ศักดิ์อิสระพงศ์” เบอร์ 1 ลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้
ตลอดช่วงเช้าไปจนถึงบ่าย แกนนำ สส. และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ได้แก่
- นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
- นายชัยธวัช ตุลาธน
- นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
- นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
- นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์
- น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล
- นายรอมฎอน ปันจอร์
- นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ฯลฯ
ได้ระดมแยกสายขึ้นรถแห่และลงพื้นที่หาเสียงในทั้ง 10 อำเภอของ จ.ราชบุรี ก่อนร่วมกันเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายที่ตลาดสราญยามเย็น อ.บ้านโป่ง โดยกิจกรรมหาเสียงตลอดทั้งวันเป็นไปด้วยความคึกคักและตื่นตัวของชาวราชบุรีที่ให้ความสนใจ ขณะที่เวทีปราศรัยในช่วงเย็นมีการขึ้นเวทีของแกนนำและผู้ช่วยหาเสียงคนสำคัญของพรรคอย่างครบครัน
ในส่วนของนายชัยธวัช กล่าวว่าใน การเลือกตั้งปี 2566 อดีตพรรคก้าวไกลหาเสียงบอกทุกคนว่า “กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” ซึ่งประชาชนก็ได้มอบความไว้วางใจให้กับพรรคก้าวไกลจนชนะการเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่งด้วยคะแนน 14 ล้านเสียง และที่สำคัญ ถึงแม้จะยังไม่สามารถเป็นรัฐบาลได้ แต่ประเทศไทยก็ไม่เหมือนเดิมจริงๆ ที่เปลี่ยนไปตลอดกาลคือภูมิทัศน์ ความคิดและเพดานความเชื่อของสังคมไทย ที่ไม่เคยเชื่อและหวังว่าการเมืองแบบก้าวไกลจะสามารถชนะการเลือกตั้งได้ แต่ด้วยพลังของประชาชน เราได้ทำลายเพดานความเชื่อเหล่านั้นไปแล้ว จากนี้ประชาชนเชื่อหมดแล้วว่าอำนาจของประชาชนมีความหมายสูงสุด ถ้าประชาชนสามัคคีรวมกันอะไรก็เกิดขึ้นได้
"อีกเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิมจริงๆ ก็คือการจัดตั้งรัฐบาล ที่ฝ่ายซึ่งเคยทะเลาะกันไปมา อ้างประชาชนมามากมาย สุดท้ายก็แค่แย่งชามข้าวกันแค่นั้น แล้วก็ไปรวมหัวกันหมด เพราะการเมืองกลุ่มผลประโยชน์แบบเก่าที่แบ่งกันกินกันใช้ ผลัดกันขึ้นมาเสวยสุข กำลังถูกคุกคามท้าทายจากการเมืองแบบใหม่ของประชาชน พวกเขาอาย แต่จำเป็นต้องทำ" นายชัยธวัช กล่าว
นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นคือการปะทะกันระหว่างการเมืองของประชาชน กับการเมืองที่ไม่เห็นหัวของประชาชน จนสุดท้ายพรรคก้าวไกลก็ถูกยัดข้อหาร้ายแรงว่าล้มล้างการปกครอง แต่เราไม่เคยมีความคิดแบบนั้น เราแค่อยากสร้างการเมืองที่เห็นหัวประชาชน ไม่ต่างจากในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรีที่มีการสร้างกระแสต่อต้านพรรคประชาชนโดยนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาอ้าง ซึ่งตนขอบอกว่าควรเลิกได้แล้ว เลิกเอาสถาบันที่ควรเป็นที่เคารพอยู่เหนือการเมืองมาปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองโดยไม่เห็นหัวประชาชน ไม่เป็นประโยชน์และน่าอาย
นายชัยธวัช กล่าวกล่าวด้วยว่า วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน 2567 จะเป็นหมุดหมายสำคัญอีกครั้ง ไม่ใช่แค่สำหรับชาวราชบุรีที่มาใช้อำนาจตัดสินว่าใครจะเป็น นายก อบจ. แต่ยังมีความหมายกับเมืองไทยในภาพรวม เป็นหมุดหมายที่การเปลี่ยนแปลงการเมืองระดับชาติกำลังจะหยั่งรากลึกลงสู่ท้องถิ่น ถ้าชาวราชบุรีรวมพลังกันมากพอ ให้ความไว้วางใจพรรคประชาชน ราชบุรีต้องดีกว่าเดิม แต่ต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าไม่ง่าย การเมืองท้องถิ่นเปลี่ยนยาก หลายเรื่องฝังราก แต่ตนไม่เชื่อว่าเปลี่ยนไม่ได้ ถ้าประชาชนมัดกันแน่นพอ แล้วชวนชาวราชบุรีทุกคนกลับมาให้หมด ถ้าออกมาใช้สิทธิ์เกิน 75% ราชบุรีดีกว่าเดิมแน่นอน
นายชัยธวัช กล่าวทิ้งท้ายว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เดิมทีจะมีคนลงแข่งกันถึง 3-4 เบอร์ แต่สุดท้ายแล้วทุกบ้านใหญ่มารวมกันหมด เหตุผลที่ตนได้ยินมีการพูดกัน คือถ้าพรรคประชาชนมา “พวกเราจะซวยกันหมด” จึงต้องมัดกันให้แน่นเหลือคนเดียว รวมพลังเพื่อต่อต้านความเปลี่ยนแปลง แต่ตนยืนยันว่าถ้าพรรคประชาชนได้มาบริหารราชบุรีจะมีแต่หอมกลิ่นความเจริญ ประชาชนอย่างเราไม่มีใครซวย มีแต่เครือข่ายนักการเมืองเดิมๆ ที่สร้างระบบอุปถัมภ์แบ่งกันกินกันใช้ หาผลประโยชน์แบบไม่เกรงใจประชาชนต่างหากที่จะซวย แต่สำหรับประชาชนและราชบุรี จะมีแต่ความเจริญเท่านั้น