'เอกนัฏ'ขอพิสูจน์ผลงานนั่งรมว.อุตฯ แจง เปลี่ยนจุดยืนกปปส.บ้านเมืองมาก่อน
"เอกนัฏ" ขอพิสูจน์ผลงานทำหน้าที่รมว.อุตสาหกรรม แจงเปลี่ยนอุดมการณ์กปปส.บ้านเมืองมาก่อน เป็นพยานคดี112 "ทักษิณ"ตามหมายเรียก
ที่รัฐสภานายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวภายหลังได้รับโปรดเกล้าฯ ยืนยันว่า พร้อมพิสูจน์ตนเองด้วยการทำงาน แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ตนเองเคยเป็น กปปส. ขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่กลับมาร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยนั้น ตนก็พร้อมรับฟังความคิดเห็น แต่เนื่องจาก วันนี้เรื่องของบ้านเมืองต้องมาก่อน และเชื่อว่า คนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน อาจมีวิธีการที่ต่างกัน ตนในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ จะต้องเลือกวิธีที่ดีที่สุด เพื่อเป็นทางออกของประเทศ ซึ่งบางครั้งอาจเป็นทางออกทางเดียว ซึ่งยืนยันอยู่ในจุดยืนนี้มาโดยตลอด คือ อุดมการณ์ในการปกป้อง และรักษาสถาบันที่เป็นเสาหลักของประเทศ
ส่วนเรื่องคุณสมบัติที่มีการท้วงติงกันก่อนหน้านี้นั้น นายเอกนัฏ ชี้แจงว่า การตรวจสอบคุณสมบัติไม่ใช่หน้าที่ของตน และเชื่อว่า เป็นไปตามมาตรฐานการตรวจสอบแล้ว เนื่องจากคดีของตนมีคำพิพากษาของศาลออกมาแล้ว ดังนั้น ที่จะมีการไปร้องให้ตรวจสอบ ตนไม่ขอพูดถึง และขอเดินหน้าทำงานต่อไป
ส่วนการร่วมคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ จะเสียแนวร่วมหรือกลุ่มสนับสนุนไปหรือไม่นั้น นายเอกนัฏ ไม่ทราบ แต่ย้ำว่า ขอให้ผลงานกับระยะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ซึ่งทุกความเห็นไม่ว่าจะเป็นคำด่า หรือคำติชม ก็ยินดีรับฟัง แต่ยืนยันว่า อาชีพนักการเมืองเป็นอาชีพที่ตนรัก และยึดมั่นในอุดมการณ์ ที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติมาโดยตลอด และจะตั้งใจทำงานให้คุ้มค่ากับโอกาสที่ได้รับ
ทั้งนี้จะสามารถทำงานได้อย่างสนิทใจ กับบุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่นั้น นายเอกนัฏ ยอมรับว่า ก็ต้องทำ หากวันนี้คิดถึงบ้านเมืองเป็นหลัก ก็เลือกให้สามารถทำงานด้วยกันได้
ส่วนได้พูดคุยเรื่องนี้กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. หรือไม่นั้น นายเอกนัฏ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตนคุยกับทุกคนปกติ ตนเข้าใจแล้วที่ผ่านมาตนไม่อยากพูดมาก และพร้อมรับฟังตลอด โดยเฉพาะผู้ที่ตำหนิมามีความปรารถนาดี ก็ต้องรับฟังและปรับปรุงตัว แต่ย้ำว่าตลอดชีวิตการทำงานการเมืองที่ผ่านมามีจุดยืน ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
นายเอกนัฏ ยังชี้แจงกระแสข่าวที่จะไปเป็นพยานให้นายทักษิณ คดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า มีหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมา โดยไม่ได้ไปโดยพละการ ซึ่งหากไม่ไปก็จะต้องถูกหมายจับ จึงต้องไปทำหน้าที่ตามกฎหมาย แต่ยืนยันว่า เรื่องนี้หากยังมีข้อสงสัย ตนก็จะหาโอกาสแจ้งอย่างเป็นทางการอีกครั้ง