เอฟเฟกต์ ‘ราดรี’ แดงขยี้ส้มสนาม ‘พิดโลก’

เอฟเฟกต์ ‘ราดรี’ แดงขยี้ส้มสนาม ‘พิดโลก’

ผลสะเทือนจากสนาม “ราดรี” ทำเอาด้อมส้มชักกังวล กลัวพ่ายซ้ำที่สนาม “พิดโลก” เพราะผู้สมัคร สส.ค่ายสีแดงมาแรง ได้ใจแม่ยกพ่อยก

KEY

POINTS

  • แกนนำเพื่อไทย จะยกทัพใหญ่ไปหาเสียงช่วย “บู้” จเด็ศ จันทรา ผู้สมัคร สส.ของพรรค ที่กำลังสู้กับ “โฟล์ค” ณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ ตัวแทนหมออ๋อง

  • “โฟล์ค” ณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ พรรคประชาชน เบอร์ 1 ปะทะ “บู้” จเด็ศ จันทรา พรรคเพื่อไทย เบอร์ 2 ต่างฝ่ายต่างมีอาวุธลับ
  • 3 ปัจจัยที่จะทำให้ค่ายส้มแพ้ ปัจจัยแรก ไม่มีเลือกตั้งนอกเขต ไม่มีเลือกตั้งล่วงหน้า 

    ปัจจัยที่สอง การรวมพลังกันของนักการเมืองพรรคอื่น นักการเมืองท้องถิ่น เครือข่าย อสม. หัวคะแนน และปัจจัยที่สาม อำนาจรัฐ

การเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขต 1 แทน ปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีต สส.พิษณุโลกเขต 1 ที่ต้องพ้น สส.จากคดียุบพรรคก้าวไกล จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 15 ก.ย.2567

สุดสัปดาห์นี้ แกนนำเพื่อไทย จะยกทัพใหญ่ไปหาเสียงช่วย “บู้” จเด็ศ จันทรา ผู้สมัคร สส.ของพรรค ที่กำลังสู้กับ “โฟล์ค” ณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ ตัวแทนหมออ๋อง

เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่าน “หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา ได้โพสต์เฟซบุ๊คเชิญชวนคนพิษณุโลกกลับบ้าน

“กลับจาก กทม. ด้วยเงิน 350 บาทครับ จ่าย 350 ได้คูปอง 20 บาท แลกน้ำ นม เครื่องดื่มได้ ไปกลับ 700 บาท คนพิดโลกไหวกันไหมครับ ในการกลับมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง นั่งรถทัวร์มาเพลินๆ ถึง 15.00 น. ไปใช้สิทธิ์มันก่อนปิดหีบแน่นอน” 

ก่อนหน้านั้น หมออ๋องก็โพสต์ว่า “การชนะเลือกตั้งซ่อม ไม่ง่ายนะครับ” พร้อมแจกแจง 3 ปัจจัยที่จะทำให้ค่ายส้มแพ้

ปัจจัยแรก ไม่มีเลือกตั้งนอกเขต ไม่มีเลือกตั้งล่วงหน้า 

ปัจจัยที่สอง การรวมพลังกันของนักการเมืองพรรคอื่น นักการเมืองท้องถิ่น เครือข่าย อสม. หัวคะแนน

และปัจจัยที่สาม อำนาจรัฐ

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พยายามทำแคมเปญ “คนราดรีกลับบ้าน” ไปเลือกนายก อบจ. เพราะเลือกตั้งท้องถิ่นไม่มีเลือกตั้งล่วง แต่พรรคประชาชนทำไม่สำเร็จ มีคนไปใช้สิทธิ์น้อยกว่าเลือกตั้ง สส.ปี 2566

“หมออ๋อง” และแกนนำพรรคประชาชน หวั่นซ้ำรอยเลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรี เนื่องจากเลือกซ่อม สส. ไม่มีเลือกตั้งล่วงหน้า และปกติก็มีคนมาใช้สิทธิ์น้อยกว่าเลือกตั้งทั่วไป

เอฟเฟกต์ ‘ราดรี’ แดงขยี้ส้มสนาม ‘พิดโลก’

เลือกตั้ง สส.พิษณุโลก ปี 2566 ปดิพัทธ์ สันติภาดา ได้ 40,842 คะแนน แต่หมออ๋องเคยให้สัมภาษณ์ว่า ประมาณ 50% เป็นคะแนนมาจากเลือกตั้งล่วงหน้าหรือเลือกตั้งนอกเขต

เหนืออื่นใด ชัยชนะของ มนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ ที่ได้นั่งนายก อบจ.พิษณุโลก สมัยที่ 3 เหนือ สิริพรรณ คุณประจักษ์นุกูล ค่ายหมออ๋อง ทำให้คนเสื้อแดงพิดโลก มีความฮึกเหิมขึ้นมา

คำว่า ปัจจัยที่หมออ๋องบอกว่า พรรคการเมืองอื่นรวมคะแนนกันนั้นหมายถึง 3 พรรคฝั่งรัฐบาลคือ เพื่อไทย พลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ รวมคะแนนกันเฉพาะเขต 1 พิษณุโลก ดังนี้

อดุลวิทย์ วิวัฒน์ธนาฒย์ (พปชร.) 19,096 คะแนน ณัฐทรัชต์ ชามพูนท (พท.) 18,180 คะแนน และ ธนิท กิตติจารุรักษ์ (รทสช.) 10,229 คะแนน

ที่สำคัญ ทีมงานของ มนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ ว่าที่นายก อบจ.พิษณุโลก ก็มาช่วยหาเสียงให้ “บู้” จเด็ศ จันทรา 

นอกจากนี้ ฝั่งเพื่อไทยนำทีมโดย สมศักดิ์ เทพสุทิน แม่ทัพภาคเหนือนพพล เหลืองทองนารา สส.พิษณุโลก เขต 2 และพิมพ์พิชชา ชัยศุภกิจเจริญ สส.พิษณุโลก เขต 4 

เอฟเฟกต์ ‘ราดรี’ แดงขยี้ส้มสนาม ‘พิดโลก’

สมศักดิ์ เทพสุทิน เห็นแววนักการเมืองรุ่นใหม่ขวัญใจสาวๆ ของบู้ จเด็ศ มาตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง สส.พิษณุโลก เขต 3 จึงขอส่งลงสนามเขต 1 ท้าดวลค่ายสีส้มแบบตัวต่อตัว

อ.เมืองพิษณุโลก ที่มีทั้งหมด 20 ตำบล ในการเลือกตั้ง สส. ตั้งแต่ปี 2554 ทาง กกต.พิษณุโลกได้ผ่า อ.เมือง ออกเป็น 3 เขตเลือกตั้งคือ เขต 1 จำนวน 9 ตำบล เขต 2 จำนวน 9 ตำบล และเขต 4 จำนวน 2 ตำบล 

เลือกตั้ง สส.พิษณุโลก ปีที่แล้ว เพื่อไทยได้ สส. 2 คน และพื้นที่เลือกตั้งของทั้งคู่ ก็มีตำบลในเขต อ.เมือง ไปพ่วงด้วย

นพพล เหลืองทองนารา สส.เขต 2 อ.พรหมพิราม บวก อ.เมืองพิษณุโลก 9 ตำบล และพิมพ์พิชชา ชัยศุภกิจเจริญ สส.เขต 4 อ.บางกระทุ่ม อ.บางระกำ บวก อ.เมืองพิษณุโลก 2 ตำบล

ค่ายเพื่อไทยก็หวังจะใช้หัวคะแนนในตำบลที่เป็นรอยกับเขต 1 ช่วยกันเจาะรายหมู่บ้าน เพื่อต้านกระแสสีส้มที่ดีกว่าสีแดง 

ดังนั้น นพพลและพิมพ์พิชชา จะเป็นกำลังหลักในการหาเสียงช่วยบู้ จเด็ศ ประสานกับทีมของ “ใหม่” ณัฐทรัชต์ ชามพูนท อดีตผู้สมัคร สส.พิษณุโลก เขต 1 เพื่อไทย

เข้าใจว่า ใหม่ ณัฐทรัชต์ กำลังอยู่ระหว่างการปูทางสร้างชื่อเสียง เพื่อลงสมัครนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก แทนมารดา เปรมฤดี ชามพูนท ในปี 2568

การเลือกตั้งซ่อมหนนี้ พรรคเพื่อไทย อาจใจชื้นขึ้นมาบ้าง เมื่อมีความได้เปรียบจากการเป็นรัฐบาล แต่เมื่อพลิกไปดูผลการเลือกตั้ง สส.พิษณุโลก เขต 1 ตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปี 2566 พรรคของทักษิณ ไม่ว่าจะชื่อไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย ไม่เคยชนะในเขตนี้เลย

สรุปว่า “โฟล์ค” ณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ พรรคประชาชน เบอร์ 1 ปะทะ “บู้” จเด็ศ จันทรา พรรคเพื่อไทย เบอร์ 2 ต่างฝ่ายต่างมีอาวุธลับ

ทั้งคู่ต่างก็เป็นคนหนุ่ม มวยฟอร์มสด “บู้” เสื้อแดงได้เปรียบตรงที่หล่อกว่า “โฟล์ค” เสื้อส้ม เแม่ยกเห็น “จเด็ศ” ยุค 2024 แล้วใจละลาย แต่โฟล์ค ศิษย์หมออ๋อง ได้เปรียบตรงกระแสพรรคดีกว่า

วันอาทิตย์ที่ 15 ก.ย.นี้ จะได้คำตอบว่า เมื่อไม่มีเลือกตั้งล่วงหน้า ไม่มีเลือกตั้งนอกเขต แคมเปญหมออ๋อง ชวนคนพิดโลกกลับบ้านไปเลือกตั้งจะได้ผลหรือไม่