ล่อ‘ลุง’ ออกจากป่า จับตาหลอนชั้น 14 ?

ล่อ‘ลุง’ ออกจากป่า  จับตาหลอนชั้น 14 ?

“กลยุทธ์ คลิปปลิดวิญญาณ” ที่ทำให้ “ลุงสะท้าน - บ้านป่าฯสะเทือน” แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการจัดวางยุทธศาสตร์ “รุกฆาตลุงบ้านป่า” หวังเผด็จศึก ขณะที่มีข่าวว่า หลักฐานจากเรือนจำ และชั้น 14 “ลุงน้องเล็ก” ก็มีของครบ อาจทำให้อีกฝ่าย โดนรุกฆาตได้เหมือนกัน

KEY

POINTS

  • “กลยุทธ์ คลิปปลิดวิญญาณ” ที่ทำให้ “ลุงสะท้าน - บ้านป่าฯสะเทือน” นั้น แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่เรื่องบังเอิญคลิปหลุด แต่เป็นการจัดวางยุทธศาสตร์ “รุกฆาตลุงบ้านป่า” โดยขับเคลื่อนพร้อมกันทุกองคาพยพ อย่างมีจังหวะจะโคน หวังเผด็จศึกกันเลยทีเดียว
  • สิ่งที่ฝ่ายบ้านจันทร์ฯ กังวลมากที่สุด คือ หลักฐานจากเรือนจำ และชั้น 14 ข่าวว่า “ลุงน้องเล็ก” มีของครบ หลักฐานเหล่านี้ ถ้าอยู่ในมือของศัตรูที่คุยกันไม่รู้เรื่อง อาจทำให้ฝ่ายบ้านจันทร์ฯ โดนรุกฆาตได้เหมือนกัน
  • ฉะนั้นในท้ายที่สุด สงครามชุดนี้น่าจะจบลงด้วยการเจรจา ยกเว้นว่า “ลุงบ้านป่าฯ” จะเปิดหน้ารบแบบเต็มสูบ เพื่อบรรลุเป้าหมายล้มรัฐบาลให้ได้สถานเดียว ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น “ฝ่ายบ้านจันทร์ฯ” ก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน

หากเปรียบการเมืองเหมือนมวยไทย ต้องบอกว่าตลอด 5 วันของสัปดาห์ที่ผ่านมา เหมือนมวย 5 ยก เป็นศึกวันทรงชัยระหว่าง “ลุงป้อม บ้านป่าฯ” กับ “ลุงโทนี่ บ้านจันทร์ฯ”

ปรากฏว่า “ลุงป้อม” เจอ “คลิปลับ” กระหน่ำไม่ต่างจากถูกรัวหมัด ทำเอาซวนเซแทบล้มทั้งยืน

ดีว่ามีวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เหมือนได้พักยก ให้บรรดาสตาฟโค้ช กองเชียร์ ได้ให้น้ำ นวดเฟ้น พัดวี

ดังที่ปรากฏภาพ “กลุ่มนิวเจนฯ” เข้าพบให้กำลังใจ และมีการนำภาพมาแชร์ในโซเชียลมีเดีย

จริงๆ ผมทราบข้อมูลมาว่า มีอีกหลายกลุ่มตบเท้าเข้าให้กำลังใจ เพียงแต่ขอไม่เป็นข่าว ทั้งอดีต สส.พลังประชารัฐ และคนสำคัญจากแวดวงต่างๆ ทำให้เห็นว่า “บารมีลุงบ้านป่าฯ” ยังไม่เหือดแห้งไปเสียทีเดียว

ล่อ‘ลุง’ ออกจากป่า  จับตาหลอนชั้น 14 ?

นอกจากนั้น ยังจับกระแสได้จากการขยับตัวของ “ฝ่ายความมั่นคง” โดยเฉพาะ “ทีมนอกราชการ” ซึ่งทำหน้าที่เป็น “วอร์รูม” ให้กับ “ฝ่ายอนุรักษนิยม” ได้สรุปรายงานพร้อมวิเคราะห์สถานการณ์ แถมชี้ทางออกจากมุมอับให้กับ “สายบ้านป่าฯ”

ล่าสุดจึงเริ่มเห็นการขยับตัวของ “พลพรรคลุง” โดยเฉพาะ คุณไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่เตรียมแจ้งความดำเนินคดีคนปล่อยคลิป และโหนคลิป

งานนี้ ถือเป็นหมัดเด็ด แม้ฝ่ายตัวเองจะต้องเจ็บตัวบ้าง กล่าวคือ เมื่อมีการนำคลิปไปขยายผล โดยเฉพาะ “เด็จพี่” พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ จากค่ายเพื่อไทย ภาระการพิสูจน์ที่มาของคลิปจะตกอยู่กับคนนำคลิปไปร้อง (ตามระบบกล่าวหา) หากสุดท้ายยืนยันไม่ได้ คำร้องก็จะไร้น้ำหนัก เพราะคลิปเสียงนั้น กระบวนการยุติธรรมไทยไม่ฟังเป็นหลักฐานที่เชื่อถือได้อยู่แล้ว

แต่ฝ่าย “ลุงป้อม” ก็ต้องเตรียมตัวถูกแซะกลับ เพราะเดิมทีออกมาประสานเสียงว่าเป็นคลิปปลอมจากเอไอ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น จะเดือดร้อนทำไม เพราะถึงอย่างไรก็เป็นคลิปปลอม แต่การแจ้งจับเท่ากับยอมรับกลายๆ หรือเปล่า?

ล่อ‘ลุง’ ออกจากป่า  จับตาหลอนชั้น 14 ?

การขยับตัวของคุณไพบูลย์ และการออกมาขับเคลื่อนในแนวทางเดียวกันของ “เสี่ยจ๊อป” สามารถ เจนชัยจิตรวนิช สอดรับกับข้อเสนอของ “ทีมความมั่นคงนอกราชการ” ที่เสนอแนวทางให้ “ลุงป้อม” ฉวยจังหวะเต้นฟุตเวิร์คออกจากมุมอับ หลังถูกไล่ต่อยแทบจะโดนน็อคคาคุม

หลังจากนี้ต้องรอดูกันต่อว่า “ลุงป้อม” จะพลิกเกมกลับมาสวนหมัดใส่ฝ่ายตรงข้ามได้บ้างหรือไม่ หรือจะนิ่งรอรักษาทรงสักระยะหนึ่งก่อน

จะว่าไป “กลยุทธ์ คลิปปลิดวิญญาณ” ที่ทำให้ “ลุงสะท้าน - บ้านป่าฯสะเทือน” นั้น แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่เรื่องบังเอิญคลิปหลุด หรือปล่อยออกมาตามธรรมชาติของสื่อดังเจ้าพ่อข่าวการเมือง

แต่เป็นการจัดวางยุทธศาสตร์ “รุกฆาตลุงบ้านป่า” โดยขับเคลื่อนพร้อมกันทุกองคาพยพ อย่างมีจังหวะจะโคน หวังเผด็จศึกกันเลยทีเดียว (อ่านขยายความส่วนนี้ต่อได้ในเฟซบุ๊กของผม)

เป้าหมายสุดท้ายที่ต้องการ เป็นไปได้หลายระดับ

หนึ่ง ทำให้ “ลุง” หมดสภาพ ไม่ให้มีศักยภาพเป็นคู่ต่อสู้ทางการเมืองอีกต่อไป

สอง ยื่นคำร้องผูกขา เล่นงานทางกฎหมายล็อกไว้อีกชั้น

สาม บีบ “ลุง” ให้หยุดเคลื่อนไหวทางการเมือง

สี่ ทำให้เข้าใจว่า คลิปยังมีอีกเยอะ และปล่อยคลิปไปแตะ “นักร้องบางส่วน” ทำให้นักร้องขยับตัวยาก และต้องระวังตัวที่จะเคลื่อนไหวต่อ

ห้า ทำให้การร้องเรียน เป็นไปอย่างไม่สุจริต

หก เมื่อร้องไม่สุจริต ก็เตรียมถูกเล่นงานกลับทางกฎหมาย ทั้งลุง ทั้งนักร้อง

เจ็ด เปิดการเจรจา เพื่อยุติปัญหา และยื่นเงื่อนไขให้ “ลุง” ปฏิบัติตาม เช่น เลิกเล่นการเมือง ลาออกจากหัวหน้าพรรค ลาออกจาก สส.  ยุติบทบาทต่างๆ แก้ปัญหาพรรคถูกผ่าเป็น 2 ซีก หรือยอมยกพรรคให้อีกฝ่าย

ล่อ‘ลุง’ ออกจากป่า  จับตาหลอนชั้น 14 ?

มีข้อมูลมาเพิ่มจาก “ทีมยุทธศาสตร์” ของฝ่ายที่ต้องการเผด็จศึกลุง พูดง่ายๆ คือ “ฝ่ายบ้านจันทร์ฯ” ข้อมูลชุดนี้จะทำให้เราพอมองเห็นภาพรางๆ ว่า สงครามคลิปจะไปจบลงที่จุดใด

1.การเปิดปฏิบัติการ “เปิดคลิปรัวๆ” ที่ผ่านมา เป็นการเปิดเกมเร็วของ “ฝ่ายบ้านจันทร์ฯ” เพื่อกดดันให้อีกฝ่ายเล่นตามเกมของบ้านจันทร์​ฯ เป้าหมายมี 2 อย่าง คือ

 - เบรกเกมล้มรัฐบาล ส่งสัญญาณให้หยุด “นิติสงคราม” แล้วมาพูดคุยเจรจากัน รัฐบาลจะได้มีเวลาหายใจบ้าง

 - เปิดเกมเร็วและแรงเพื่อยั่วให้อีกฝ่ายตอบโต้เร็วและแรงเช่นกัน เพื่อจะได้รู้ว่า อีกฝ่าย “มีไม้เด็ดอะไรในมือ” บ้าง

พูดง่ายๆ คือเป็นแผนหลอกดูหลักฐาน เช่น คลิปภาพ หรือเสียงที่อ้างว่าเป็น “คลิปบ้านจันทร์ฯ” มีจริงหรือไม่ โดยเฉพาะหลักฐานที่ว่ากันว่านำไปอ้างยุบ 6 พรรค

2.ฝ่ายบ้านจันทร์ฯ รู้ดีว่า “บ้านป่าฯ” ไม่ยอมจบง่ายๆ เพราะเดิมพันสูง และยังมีเวลารบกันอีกระยะหนึ่ง ฉะนั้นจึงต้องการดู “อาวุธ” ของอีกฝ่าย ว่ามีอาวุธหนักแค่ไหน และมีอะไรบ้าง หรือหาก “ฝ่ายบ้านป่าฯ” ยอมเจรจา ก็อาจทำให้เรื่องราวจบได้ง่ายขึ้น

3.แท้ที่จริงแล้ว สิ่งที่ฝ่ายบ้านจันทร์ฯ กังวลมากที่สุด คือ หลักฐานจากเรือนจำ และชั้น 14 ข่าวว่า “ลุงน้องเล็ก” มีของครบ แต่เคลียร์กันจบ จึงยังถือว่าปลอดภัย ส่วนที่ยังไม่ชัดคือ “ลุงพี่ใหญ่” มี “ของ” ที่ว่านี้ด้วยหรือไม่ หากมี..มีอะไร จึงต้องการขอดู เหมือนเกทับ เพื่อหวังดูไพ่ในมือของอีกฝ่าย

ต้องไม่ลืมว่า ในรายนาม “อธิบดีกรมคุก” หรือ “กรมราชทัณฑ์” เคยมีคนนามสกุล “วงษ์สุวรรณ” เป็นรองอธิบดี และขึ้นเป็นอธิบดีด้วย นั่นก็คือ คุณปฏิคม วงษ์สุวรรณ

คณะรัฐมนตรีที่มี “ลุงตู่” เป็นนายกฯ เมื่อปี 59 เคยตั้ง คุณปฏิคม ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นเป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ทั้งๆ ที่เหลืออายุราชการเพียงไม่กี่เดือน

แต่คุณปฏิคมก็เป็นรองอธิบดีอยู่ก่อน เมื่อได้ขึ้นเป็นอธิบดีช่วงใกล้จะถึงเดือน ก.ย.59 จึงได้จัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย และได้วางคน ตลอดจนสายสนกลในไว้ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะระดับ ผอ.

ปัจจุบันคนเหล่านั้นขึ้นมาเป็นใหญ่กันหมดแล้ว และมีบางส่วนอยู่ในตำแหน่งที่รู้ข้อมูลวงในของกรมราชทัณฑ์ และอาจจะเกี่ยวข้องกับกระบวนการส่งนักโทษไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลด้วย

ล่อ‘ลุง’ ออกจากป่า  จับตาหลอนชั้น 14 ?

หลักฐานเหล่านี้ ถ้าอยู่ในมือของศัตรูที่คุยกันไม่รู้เรื่อง อาจทำให้ฝ่ายบ้านจันทร์ฯ โดนรุกฆาตได้เหมือนกัน

ต้องเข้าใจว่า ในเกมการเมืองที่เล่นกันหลายชั้น มีการผูกขากันเอาไว้ 2-3 ชั้น เพื่อให้เป็นตัวประกัน ไม่ให้เบี้ยวกันในอนาคต แต่ละฝ่ายย่อมมีหลักฐานเด็ดมัดอีกฝ่ายแน่นอน โดยเฉพาะหลักฐานเกี่ยวกับเรือนจำ และโรงพยาบาลตำรวจ

เพียงแต่ต้องรู้ว่าหลักฐานอยู่ในมือใคร เรื่อง “ลุงน้องเล็ก” ไม่ต้องสงสัย…มีแน่ แต่ “ลุงพี่ใหญ่” มีหรือไม่…ถือว่าน่าคิด

ฉะนั้นการชิงเปิดศึกก่อน ก็เพื่อวัดพลังของอีกฝ่ายว่ามี “อาวุธหนัก” ในมือแค่ไหน จะได้ประเมินสงครามในอนาคตได้ถูกต้อง

ฉะนั้นในท้ายที่สุด สงครามชุดนี้น่าจะจบลงด้วยการเจรจา ยกเว้นว่า “ลุงบ้านป่าฯ” จะเปิดหน้ารบแบบเต็มสูบ เพื่อบรรลุเป้าหมายล้มรัฐบาลให้ได้สถานเดียว ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น “ฝ่ายบ้านจันทร์ฯ” ก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน

สถานการณ์ภาพรวม ณ เวลานี้ ต้องยอมรับว่า “ฝ่ายลุงบ้านป่าฯ” เป็นรองเยอะมาก เนื่องจาก

 - “พี่น้อง 3 ป.” แยกไปคนละทาง ทำให้พลังอำนาจไม่เหมือนเดิม

 - สถานะของ “ป.น้องเล็ก” ขยับงานการเมืองไม่ได้

 - “ป.พี่ใหญ่” หลุดจากวงจรอำนาจรัฐ เครือข่ายในองค์กรอิสระ กองทัพ และตำรวจ ล้วนอยู่ในช่วงผลัดใบ ใกล้หมดอำนาจ

 - ฝ่ายบ้านจันทร์ฯ มีอำนาจเต็มร้อย อำนาจรัฐเต็มมือ จึงทำอะไรได้มากกว่าที่คิด

 - เกมคลิปเสียงทำลายเครดิต เป็นงานถนัดของปีกการเมืองบางฝ่าย ย้อนกลับไปสมัยอดีตเลขาธิการ ป.ป.ช.คนดัง ทำคดีเล่นงานฝ่ายการเมือง ก็เคยเจอคลิปเสียงแฉจนหมดเครดิตมาแล้ว

นาทีนี้จึงเห็นได้ชัดว่า อำนาจของฝ่ายบ้านจันทร์ฯ เต็มไม้เต็มมือ และระดมขุนพลแบบ “รวมการเฉพาะกิจ” มาเล่นงานศัตรูการเมืองได้แบบเต็มพิกัด จึงเป็นงานยากของ “สายบ้านป่าฯ” ที่จะรบกันยาวๆ

เหตุนี้เอง “สายบ้านป่าฯ” จึงต้องเร่งเกมเร็ว “นิติสงคราม” ก่อนจะเจอย้อนศรด้วยเกมเร็ว “คลิปลับ” จนเกือบน็อกคาเวทีไปเช่นเดียวกัน

ขณะนี้เริ่มได้ยินเสียงสังคมเรียกร้องแต่ละฝ่ายว่า มีคลิป มีหลักฐานเด็ดอะไรก็เปิดซัดกันออกมา ปวงประชาจะได้ตาสว่าง ไม่ใช่ขย่มกันไปสักพัก แล้วจู่ๆ ก็หันกลับมาจับมือกันเหมือนตอนตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ปฏิญญามินต์ช็อกซ้ำอีกนะ...

แบบนั้นวัยรุ่นเซ็ง!