สมัครชิงนายก อบจ.ขอนแก่น วันแรกคึกคัก! 'วัฒนา' พท. ชน 'พงษ์ศักดิ์' แชมป์เก่า
เปิดรับสมัครชิงเก้าอี้นายก อบจ.ขอนแก่น วันแรกคึกคัก! ศึกช้างชนช้าง 'วัฒนา ช่างเหลา' สวมเสื้อเพื่อไทย ลูก 'เอกราช' จับได้เบอร์ 1 ประกาศโค่น 'พงษ์ศักดิ์ ตั้งวานิชกพงษ์' อดีตแชมป์ 6 สมัย ได้เบอร์ 2 ก่อนกาบัตร 3 พ.ย.นี้
เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2567 ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น (อบจ.ขอนแก่น) นายพันธ์เทพ เสาวโกศล รองผู้ว่าราขการจังหวัดขอนแก่น ในฐานะประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น (กกต.ขอนแก่น) พร้อมด้วย นายวัชระ สีสาร ผอ. กกต.ขอนแก่น และนายพงเจตน์ พรกุณา ปลัด อบจ.ขอนแก่น ในฐานะ ผอ.กกต.อบจ.ขอนแก่น ทำการกำกับและควบคุมการสมัครรับการเลือกตั้งนายก อบจ.ขอนแก่น แทนตำแหน่งที่ว่างลง หลังจากนายพงษ์ศักดิ์ ตั้งวานิชกพงษ์ อดีตนายก อบจ.ขอนแก่น หลายสมัย ได้ลาออกจากตำแหน่งก่อนหมดวาระเพียง 3 เดือน
โดย กกต.กำหนดให้มีการสมัครรับการเลือกตั้ง ระหว่างวันที่ 23 – 27 ก.ย. 2567 ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น. และจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย. 2567 สำหรับบรรยากาศการรับสมัครรับเลือกตั้งวันแรกเป็นไปอย่างคึกคัก เริ่มจาก เวลา 08.07 น. นายวัฒนา ช่างเหลา อดีต สส.ขอนแก่น ปัจจุบันเป็นประธานสโมรสรฟุตบอลขอนแก่น ยูไนเต็ด และสมาชิกพรรคเพื่อไทย เดินทางมาสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมด้วย นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย ผู้เป็นบิดา โดยมีกองเชียร์ตามมาให้กำลังใจอย่างคับคั่ง
ต่อมาในเวลาไล่เลี่ยกัน นายพงษ์ศักดิ์ ตั้งวานิชกพงษ์ อดีตนายก อบจ.ขอนแก่น 6 สมัย เดินทางมาสมัครรับเลือกตั้งพร้อมกับ ส.อบจ.ขอนแก่น และกองเชียร์จำนวนมากเช่นกัน ก่อนที่นายพงเจตน์ พรกุณา ปลัด อบจ.ขอนแก่น ในฐานะ ผอ.กกต.อบจ.ขอนแก่น ได้ทำความเข้าใจกับผู้สมัครทั้ง 2 คน เพื่อจัดลำดับในการจับหมายเลขผู้สมัคร
โดยนายพงษ์ศักดิ์ เป็นคนจับคนแรก และจับได้หมายเลข 2 ขณะที่นายวัฒนา จับได้หมายเลข 1 ก่อนที่จะดำเนินการสมัครตามขั้นตอนที่ทาง กกต. กำหนด เมื่อสมัครเสร็จเรียบร้อย ทั้งคู่จึงออกไปพบกับกองเชียร์ ด้านหน้าหอประชุม อบจ.ขอนแก่น
นายวัชระ สีสาร ผอ.กกต.ขอนแก่น เปิดเผยว่า การรับสมัครวันแรกนั้น มีผู้สมัคร 2 คน และจับหมายเลข 2 หมายเลข ซึ่งการสมัครเรียบร้อยไปด้วยดี ส่วนข้อกังวลนั้นอยากฝากถึงผู้สมัครทุกคนว่าให้ปฏิบัติตามข้อบังคับและระเบียบอย่างเคร่งครัด และในส่วนของ การเลือกตั้งนายก อบจ. ขอนแก่น ครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งหลังการลาออกจากตำแหน่งของนายก อบจ.คนเดิม เป็นการลาออกก่อนครบวาระนั้น ในจุดนี้ ต้องเข้าใจก่อนว่า หากการลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระนั้น ผู้สมัครที่สมัครรับเลือกตั้งจะสามารถใช้งบประมาณในการหาเสียงได้คนละ 9 ล้านบาท ทุกคนก็จะต้องบริหารจัดการเงินจำนวนดังกล่าวในการหาเสียง โดยจะต้องยึดหลัก และยึดระเบียบในการหาเสียงที่ถูกต้องเท่านั้น
“กรณีที่การแบ่งเขตเลือกตั้งนั้น ขอนแก่นมีทั้งหมด 26 อำเภอ จำนวน 42 เขตเลือกตั้ง มีหน่วยเลือกตั้ง จำนวน 2,668 หน่วย มีจำนวนประชากรที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง 1.4 ล้านคน มีเพียงเขตอำเภอเมืองขอนแก่น ทีมีการเบ่งเป็น 9 เขต แต่ก็ไม่ได้สร้างความสับสนกับประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งแต่อย่างใด” นายวัชระ กล่าว
ขณะที่ นายพงเจตน์ กล่าวว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้ ตั้งเป้าไว้ว่าจะมีผู้ออกใช้สิทธิ์ 70 % ซึ่งที่ผ่านมามีคนออกมาใช้สิทธิ์ 59 %
ทั้งนี้ นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า จากประสบการณ์การเป็นนายก อบจ. ขอนแก่น ถึง 6 สมัย รู้ปัญหาประชาชนชาวขอนแก่นเป็นยังไงและแก้ไขปัญหามาตลอด ถ้าได้กลับเข้ามาคราวนี้จะประสานงานต่อก่องานใหม่สร้างให้ชาวขอนแก่นมีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการศึกษา การสาธารณสุข การท่องเที่ยว การค้าลงทุน รู้สึกพอใจกับเบอร์ที่ได้เบอร์ 2 เป็นเบอร์คู่เป็นเบอร์ที่ดีมาก และการที่ตัวเองและทีมงานใส่เสื้อสีเขียวมาในวันนี้แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์และแสดงถึงชัยชนะ และใส่กำไรของหลวงปู่ศิลาเพื่อเป็นสิริมงคลและพกพระหลวงปู่ประจำตัวมาตลอด การที่เป็นนายก อบจ. มาหลายสมัยเป็นการได้เปรียบคู่ต่อสู้แน่นอนประวัติไม่เคยเสีย มั่นใจในการเลือกตั้งครั้งนี้ล้านเปอร์เซ็นต์
ด้านนายวัฒนา กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีความพร้อมเต็มที่ มองว่า อบจ.ขอนแก่น อยู่ที่เดิมมา 28 ปีแล้ว และ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย จึงอาสาเข้ามาเป็นนายก อบจ.ขอนแก่น เพื่อให้ทุกคนมีทางเลือกใหม่ เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาลงสมัครเป็นนายก อบจ. ในครั้งนี้
“ตอนนี้สมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเรียบร้อย วันนี้มาสมัครรับเลือกตั้งในนามของสมาชิกพรรคเพื่อไทย มีความมั่นใจ 100% ว่าขอนแก่นที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ผมจะเป็นคนทำขอนแก่นให้ก้าวไปข้างหน้า เพราะเคยเป็นรองนายก อบจ. มาแล้ว 7 ปี เห็นปัญหาต่างๆ ของ อบจ. วันนี้มีพ่อมาให้กำลังใจด้วย ตอนนี้บ้านเมืองต้องการความเปลี่ยนแปลง ขอนแก่นต้องก้าวไปข้างหน้าในฐานะคนรุ่นใหม่ ต้องใช้เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยในการทำงานไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบดิจิตอล เข้ามารับเรื่องร้องเรียนความรวดเร็วในการทำงานการดูแลแต่ละพื้นที่ ความเดือดร้อนของชาวบ้านต้องปรับปรุงในหลายๆ เรื่องที่ผ่านมา 10 กว่าปี เราจะเข้าไปทำทั้งหมด วันนี้ได้เวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว ฝากชาวขอนแก่นมาเลือกตั้งกันเยอะ ๆ เพราะการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่ที่คะแนนเสียงชาวขอนแก่น” นายวัฒนา กล่าว