‘ปชน.’ ถอดบทเรียนปรับทัพใหม่ ฝ่าแลนด์สไลด์ 70

‘ปชน.’ ถอดบทเรียนปรับทัพใหม่ ฝ่าแลนด์สไลด์ 70

ทั้งหมดคือความคืบหน้าเกี่ยวกับการแก้เกมสถานการณ์การเมือง ที่กำลังเสียเปรียบ ทั้งในสภาฯที่สูญเสียที่นั่ง สส.ไปจากการถูก “ยุบพรรค” รวมถึง “นอกสภาฯ” ที่สูญเสียฐานมวลชนจนพ่ายแพ้เลือกตั้งนายก อบจ. 3 ครั้งซ้อน และพ่ายเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขต 1

KEY

POINTS

  • “พรรคประชาชน” ถอดบทเรียนแก้เกมการเมืองในสภาฯ-นอกสภาฯ
  • หลังพ่ายศึกเลือกตั้งนายก อบจ. 3 ครั้งต่อเนื่อง แถมแพ้เลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขต 1
  • ขยับ 7 ขุนพล “ดาวเด่น” ในสภาฯขึ้นรองหัวหน้าพรรค ลุยภารกิจท้าทายทั้ง “ซักฟอก-นิรโทษกรรม-ร่าง รธน.ใหม่”
  • ตั้ง 8 รองเลขาฯเทียบชั้น “แม่ทัพภาค” มี “โตโต้” คุมเมืองหลวง “ทนายป๊อก” นำทัพขุนพลอีสาน

ในการเลือกตั้งทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา พรรคที่เรียกได้ว่าทำผลงานได้ “น่าผิดหวัง” หนีไม่พ้น “พรรคประชาชน” (ปชน.) ที่พ่ายไปทั้ง 2 ศึกใหญ่ คือ การเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขต 1 และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ราชบุรี

โดยเฉพาะการเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขต 1 ซึ่งเป็นฐานเสียงเดิมของตัวเอง คือ “หมออ๋องปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตแกนนำพรรคส้ม แถมยังส่ง “โฟล์คณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ เด็กปั้นในพื้นที่ของ “หมออ๋อง” มาฝังตัวใน “พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล” ซึ่งต่อมาคือยานพาหนะคันใหม่ในนาม “พรรคประชาชน” ล่วงหน้าถึง 3 เดือน เพราะอ่านเกมออกว่า “ก้าวไกล” จะถูกยุบพรรค แต่ก็ยังแพ้ “บู้” จเด็ศ จันทรา ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ไป 6,744 คะแนน

ฉากถัดมาคือการพ่ายศึกเลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรี โดยถือเป็นความพ่ายแพ้การเลือกตั้งนายก อบจ.หนที่ 3 ในรอบปี 2567 ที่ “พรรคส้ม” ประกาศส่งผู้สมัคร โดยก่อนหน้านี้แพ้ในการเลือกตั้งนายก อบจ.พะเยา และนายก อบจ.ชัยนาท ไปแล้ว ไม่นับเลือกตั้งนายก อบจ.พระนครศรีอยุธยา ที่เกิดความขัดแย้งกันภายในเรื่องเคาะตัวผู้สมัคร สุดท้าย “กก.บห.ก้าวไกล” ประกาศไม่หนุนใคร แต่ว่ากันว่า สส.สีส้มในพื้นที่แอบหนุน “เซียนอุ๊” วัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ อย่างลับ ๆ แต่ก็แพ้ให้กับ “บ้านใหญ่” ซ้อสมทรง พันธ์เจริญวรกุล” แห่ง “ภูมิใจไทย”

ทำให้ในการเลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรี “พรรคส้ม” ต้องโฟกัสเป็นพิเศษ ถึงกับส่งอดีตหัวหน้าพรรค 4 คน ได้แก่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์-ชัยธวัช ตุลาธน 2 อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย “ขุนพล-แกนนำสีส้ม” ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงต่อเนื่องนานนับเดือน แต่สุดท้ายก็แพ้ “บ้านใหญ่นิติกาญจนา” เช่นเดียวกัน

การพ่ายแพ้เลือกตั้งนายก อบจ.ติดกัน 3 ครั้ง รวมถึงการพ่ายการเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขต 1 ทั้งที่เป็นเขตเมือง ซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของ “พรรคส้ม” มาโดยตลอด ทำให้ “พรรคประชาชน” ที่เป็นพรรคส้มลำดับที่ 3 (ต่อจากอนาคตใหม่ และก้าวไกล) จำเป็นต้องปรับทัพ และถอดบทเรียนอย่างหนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะแนวคิด “กระแส” นำ “กระสุน” ไปสู้ “บ้านใหญ่” ไม่สามารถชิงความได้เปรียบเหมือนตอนเลือกตั้งใหญ่ปี 2566 ได้แล้ว

แม้แต่ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการคณะก้าวหน้า หนึ่งในศาสดาทางความคิดของ “พรรคส้ม” ถึงกับบอกว่า ต้องถอดบทเรียนเพื่อสู้กับ “ทฤษฎีใหม่” กับการสนธิกำลังของ “ชนชั้นนำ 3 ฝ่าย” ได้แก่ 1.ชนชั้นนำดั้งเดิมจารีต 2.ชนชั้นนำการเมืองจากทุกพรรค ทุกค่าย 3.ชนชั้นนำทางเศรษฐกิจ” ที่จะนำ “พิษณุโลกโมเดล” ไปขยายผลในการเลือกตั้ง สส.ทั่วประเทศ

“พิษณุโลกโมเดล” จึงกลายเป็นเรื่อง “น่ากลัว” สำหรับ “พรรคส้ม” ที่จะต้องนำไปขบคิดหลังจากนี้ เพราะถือเป็นชัยชนะครั้งแรกของ “บ้านใหญ่” ในศึกเลือกตั้งพื้นที่เขตเมือง ซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของ “พรรคส้ม” มาโดยตลอด แน่นอนว่าในการเลือกตั้งนายก อบจ.ครั้งถัด ๆ ไปอีกอย่างน้อย 4 ครั้ง (นายก อบจ.ยโสธร, ระนอง และขอนแก่น ส่วนอุทัยธานี มีผู้สมัครรายเดียว และพรรคประชาชนไม่ส่งใครสมัคร) ในปี 2567 และต่อเนื่องถึงปี 2568 “บ้านใหญ่” จะใช้ “พิษณุโลกโมเดล” ไปขยายต่อด้วย เพื่อหวังผลในศึกเลือกตั้งปี 2570

นั่นจึงนำไปสู่การจัดสัมมนาภายในพรรคประชาชน ระหว่างแกนนำ-สส.-บุคลากรภายใน-เครือข่ายสีส้มทั่วประเทศ เพื่อระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการทำงานที่ผ่านมา ถอดบทเรียนจากเสียงสะท้อนของผู้สนับสนุนพรรค วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองปัจจุบัน ร่วมกันกำหนดทิศทางการเดินหน้าทำงานต่อไปของพรรค

โดยในช่วงหนึ่งของการสัมมนา ณัฐพงษ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราอาจจะพบกับอุปสรรคหลายเรื่อง เผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์และความคาดหวังของประชาชน พวกเรารับทราบถึงความคาดหวังดังกล่าว และไม่ได้นิ่งเฉย โดยการสัมมนาครั้งนี้ถือเป็นการจัดทัพหลังการเปลี่ยนผ่าน ยืนยันว่าพวกเราพรรคประชาชนน้อมรับทุกความความคาดหวัง และพร้อมปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อเดินหน้าไปสู่เป้าหมายใหญ่ร่วมกัน

“จากนี้ทุกองคาพยพของพรรคประชาชนพร้อมทำงานตอบสนองความคาดหวังของประชาชน ดังนั้น ขอให้ทุกคนเดินหน้าทำงานต่อไป เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายใหญ่ร่วมกันคือการเลือกตั้งปี 2570 ที่อำนาจสูงสุดจะเป็นของประชาชน” นายณัฐพงษ์ กล่าว

รวมถึงการแต่งตั้งรองหัวหน้าพรรค 7 ตำแหน่ง เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็น “ดาวเด่น” ประจำสภาฯ-หน้าสื่อ ได้แก่ 1. ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ฝ่ายนโยบาย 2. ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล รองหัวหน้าพรรค ฝ่ายกิจการสภา 3. วิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรค ฝ่ายกิจการพิเศษ 4. รังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรค ฝ่ายกิจการทั่วไป 5. ชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร รองหน้าพรรค ฝ่ายต่างประเทศ 6. สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรค ฝ่ายกิจการภายนอก และ 7. วาโย อัศวรุ่งเรือง รองหัวหน้าพรรค ฝ่ายกฎหมาย

โดยหมุดหมายของการแต่งตั้งรองหัวหน้าพรรคครั้งนี้ เพื่อเตรียมลุยงานภารกิจในสภาฯ โดยเฉพาะ 3 เรื่องใหญ่ ๆ ที่จ่อคิวรออยู่ ทั้งประเด็นการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เรื่องร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ และเตรียมพยานหลักฐานเพื่อ “ซักฟอกรัฐบาล”

ที่น่าสนใจกว่าคือการแต่งตั้งรองเลขาธิการพรรค 12 ตำแหน่ง โดยจำนวนนี้มี 8 ตำแหน่งที่เปรียบได้กับ “แม่ทัพภาค” เพื่อให้การจัดทำนโยบายลงลึกไปในระดับภูมิภาค ได้แก่ 1. ปิยรัฐ จงเทพ รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล 2. เจษฎา เอี่ยมปุ่น รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนภาคกลาง 3. พงศธร ศรเพชรนรินทร์ รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนภาคตะวันออก 4. วิจักษณ์ พฤกษ์สุริยา รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนภาคใต้ 5. วิสา บุญนัดดา รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนภาคเหนือตอนบน 6. คริษฐ์ ปานเนียม รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนภาคเหนือตอนล่าง 7. วีรนันท์ ฮวดศรี รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนภาคอีสานตอนบน 8. พนา ใจตรง รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนภาคอีสานตอนล่าง

ในจำนวน 8 ตำแหน่งดังกล่าวมี 2 ชื่อน่าสนใจ และถือว่าเป็นจุดทีเด็ดทีขาดหากต้องการ “แลนด์สไลด์” ปี 2570 นั่นคือ แม่ทัพ กทม. ที่มี “โตโต้” ปิยรัฐ จงเทพ คุมเกม ซึ่งที่ผ่านมานับตั้งแต่เขาสลัดภาพนักกิจกรรมทางการเมือง มาสวมสูทผูกไท เข้าสู่สภาฯ เป็น สส.กทม. เขตบางนา 2 สมัย ได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และมีคะแนนนิยมค่อนข้างสูง ทำให้ผลักดันตัวเองก้าวขึ้นมามีตำแหน่งแห่งที่ในพรรคได้สำเร็จ

อีกคนคือ “ทนายป๊อก” วีรนันท์ ฮวดศรี สส.ขอนแก่น เขต 1 ที่ล้มผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย “ปักธงสีส้ม” ในขอนแก่นอีกครั้ง หลังจากทำสำเร็จมาแล้วเมื่อปี 2562 (โดยฐิตินันท์ แสงนาค แต่เจ้าตัวกลายเป็น “งูเห่า” และย้ายสังกัดพรรคภูมิใจไทย ในเวลาต่อมา) โดยในการเลือกตั้งปี 2566 “พรรคส้ม” ปักธงในขอนแก่นเพิ่มเติมเป็น 3 ที่นั่ง เบื้องหลังความสำเร็จคือ วีรนันท์ ฮวดศรี จนถูกแต่งตั้งเป็น “แม่ทัพอีสาน” และเตรียมพร้อมนำทัพ สส.ส้ม ขยายผลปักธงการเลือกตั้งในภาคอีสานปี 2570 หลังจากปี 2566 นำพา สส.อีสานสีส้ม เข้าสภาฯได้จำนวนหลายสิบที่นั่ง

ส่วนอีก 4 ตำแหน่งมุ่งเน้นเฉพาะกลุ่ม ได้แก่ 9. ณธนภัทร ฤทธิ์เนติกุล รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนเครือข่ายชาติพันธุ์ 10. เซีย จำปาทอง รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนเครือข่ายแรงงาน 11. ลลิตา สิริพัชรนันท์ รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนสำนักงาน 12. พีรัช สงเคราะห์ รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนสำนักงาน

ทั้งหมดคือความคืบหน้าเกี่ยวกับการแก้เกมสถานการณ์การเมือง ที่กำลังเสียเปรียบ ทั้งในสภาฯที่สูญเสียที่นั่ง สส.ไปจากการถูก “ยุบพรรค” รวมถึง “นอกสภาฯ” ที่สูญเสียฐานมวลชนจนพ่ายแพ้เลือกตั้งนายก อบจ. 3 ครั้งซ้อน และพ่ายเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขต 1

การปรับทัพครั้งนี้จะช่วยนำพาให้ “พรรคประชาชน” ฝ่าโจทย์หินชนะเลือกตั้งปี 2570 แบบ “แลนด์สไลด์” ได้หรือไม่ ต้องติดตาม