‘แพทองธาร’ ให้โจทย์ ทีมบ้านพิษณุโลก อยากเห็นคนไทยหายจน ศก.รุ่งอีกครั้ง
“นพ.สุรพงษ์” เผย “นายกฯ” ถก ทีมบ้านพิษณุโลก ทุกวันพฤหัสบดี เรียก ขรก.- เอกชน หารือได้แย้มคุย ผู้ว่าฯ ธปท. ไม่เป็นทางการ พร้อมชงไอเดีย - แผนขับเคลื่อนทั้งองคาพยพ รับโจทย์ “แพทองธาร” อยากเห็นคนไทยพ้นความยากจน เศรษฐกิจกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า นายกฯ ขอบคุณคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ ทั้ง 5 คน ที่ตอบรับมาเป็นที่ปรึกษา เพราะทุกคนเคยผ่านประสบการณ์บริหารราชการแผ่นดินมาทั้งสิ้น และนายกฯ พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะทุกอย่าง โดยขอให้นำเสนอความเห็นตรงไปตรงมา ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยเพื่อให้รับข้อมูลรอบด้าน และที่ปรึกษาทั้ง 5 คนจะเสนอแนะไม่จำกัดเฉพาะด้านที่เชี่ยวชาญ โดยจะขับเคลื่อนเรื่องที่ถนัดเป็นพิเศษ ทั้งนี้ นายธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาฯ สนใจการปฏิรูประบบราชการให้ง่ายต่อการรับใช้ประชาชน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่ปรึกษาฯ เชี่ยวชาญกฎหมายมหาชน จะช่วยดูกฎหมายเพื่อเอื้อต่อการขับเคลื่อนระบบราชการ และให้ความสนใจระบบนิติรัฐ นิติธรรม
นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ขณะที่นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาฯ มีความถนัดด้านเศรษฐกิจโดยในส่วนของตนผ่านการทำงานเชิงสาธารณสุข และซอฟต์พาวเวอร์ และนายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานคณะที่ปรึกษาฯ
มีประสบการณ์การเมืองมาก เสนอแนะนโยบายให้กับนายกรัฐมนตรี หลายคน เชี่ยวชาญด้านภูมิทัศน์โลก การต่างประเทศ เอสเอ็มอี นายพันศักดิ์ จะมองเห็นภาพรวมทั้งหมดในการทำงานขับเคลื่อนกับที่ปรึกษาคนอื่นๆ นอกจากนี้ บ้านพิษณุโลก จะใช้เป็นสถานที่เชิญผู้รับผิดชอบ จากภาคราชการ และเอกชนหารือร่วมกัน เพื่อนำเสนอแนวคิดกำหนดเป็นนโยบายต่อไป เราคิดว่าจะไม่คิดเพียงว่าจะทำอะไร จะคิดด้วยว่าทำอย่างไร ต้องมีแผนชัดเจนขับเคลื่อนองคาพยพทั้งระบบราชการ และระบบเศรษฐกิจ
“การกำหนดแนวทางที่ชัดเจนเพื่อส่งผลลัพธ์ในอนาคต จึงกำหนดว่าควรประชุมต่อเนื่องโดยนายกรัฐมนตรี จะประชุมด้วยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง คือ ทุกวันพฤหัสบดี เพื่อพูดคุยถึงนโยบายที่น่าสนใจอย่างตรงไปตรงมา และเกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน” นพ.สุรพงษ์ กล่าว
นพ.สุรพงษ์ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นสิ่งสำคัญคือ การออกมาตรการเศรษฐกิจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม มีแนวคิดหาก ครม.ได้รับทราบ เชื่อว่าจะตัดสินใจได้เร็ว ผู้ได้รับผลกระทบจะได้รับประโยชน์เร็วมาก ขณะที่มาตรการแก้หนี้ที่ได้ผล ไม่ได้มองเพียงการสนับสนุนเรื่องเงินอย่างเดียว แต่ต้องเป็นมาตรการสร้างรายได้ มีแนวทางเบื้องต้นแล้ว รอนำเสนอนายกฯ ก่อน และเรื่องการทำอย่างไรให้เอสเอ็มอีไทย ส่งออกต่างประเทศได้จริงจัง เรามีมาตรการบางอย่างที่คิดว่าเป็นจิ๊กซอว์ตัวที่หายไป ก็จะมีการนำเสนอนายกฯ ต่อไป และยอมรับว่า ทุกวันนี้ความซับซ้อนของระบบราชการทำให้การทำงานไม่ง่าย แต่แนวทางที่เสนอนายกฯ ก็ต้องไปดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คณะที่ปรึกษาสามารถเชิญหน่วยงานรัฐมาประชุมได้ ขอเอกสารมาดูได้ด้วย ส่วนภาคเอกชนเชื่อว่าเขาก็พร้อมมาเสนอแนะปัญหา จึงเชื่อว่าบ้านพิษณุโลกต่อไปนี้จะมีการประชุมเรื่องต่างๆ อีกมาก
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่จะเชิญผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาหารือเรื่องค่าเงินบาท นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ธปท.ถือเป็นส่วนหนึ่งของภาครัฐในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ก็อาจมีการพูดคุยกัน แต่คงไม่ได้เชิญมาแบบเป็นทางการ
เมื่อถามว่า คณะที่ปรึกษาฯ ล้วนเป็นวัยเก๋า แต่โลกเปลี่ยนไปจะทำให้คนรุ่นใหม่ไว้วางใจได้อย่างไร นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า นายพันศักดิ์ อายุ 80 ปี นายธงทอง อายุ 70 ที่เหลืออายุ 60 กว่าปี แต่เท่าที่ได้พูดคุย ทุกท่านมีประสบการณ์มาก ยังเรียนรู้ไม่หยุดในทุกด้าน เชื่อว่าทั้ง 5 คน ไม่มีตกสมัย แต่เราไม่ได้ทำงานกัน 5 คน จะมีการตั้งอนุกรรมการมาดูรายละเอียดแต่ละเรื่อง เราเป็นสารตั้งต้นนำเสนอนโยบายแก้ปัญหาของประเทศครั้งใหญ่
ทั้งนี้ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีการกำหนดเกณฑ์ KPI แต่ทุกคนไฟแรงมากพร้อมเริ่มงานเต็มที่ นายธงทอง เตรียมขอตัวข้าราชการบางส่วนมาช่วยงาน ตนก็มีในใจแล้ว ผลงานคงวัดจากงานภาพใหญ่ของประเทศมากกว่า ถ้าเปรียบเทียบสมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกฯ ภาพใหญ่คือ เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า
“นายกฯ บอกว่าในระยะเวลาที่เหลืออยู่ 2 ปีกว่า สิ่งที่อยากเห็นคนไทยจะต้องพ้นความยากจน ประเทศสามารถหลุดพ้นปัญหาเศรษฐกิจ นำไปสู่ทิศทางที่ชัดเจนในการสร้างเศรษฐกิจกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง” นพ.สุรพงษ์ กล่าว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์