ทริปโรดโชว์ - เปิดศึกเกินเบอร์ ปมเสี่ยง รัฐมนตรีอีเวนต์

ทริปโรดโชว์ - เปิดศึกเกินเบอร์ ปมเสี่ยง รัฐมนตรีอีเวนต์

จับตา “พิชัย” สายล่อฟ้าคนใหม่ ที่งานในกระทรวงพาณิชย์เริ่มมีปมให้ “ลูกน้อง” ออกมาแฉ งานนอกกระทรวงเริ่มสร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น และต้องไม่ลืมว่า “บิ๊กเนม-ลูกพรรค” ภายใน “เพื่อไทย” พร้อมเป็นศัตรูกับ “พิชัย” จำนวนไม่น้อยเช่นกัน

KEY

POINTS

  • มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกจาก "บิ๊กเพื่อไทย" ปม "รมว.พาณิชย์" ป้ายแดง เดินทางไปโรดโชว์ประเทศอังกฤษ ทั้งที่ "นายกฯอิ๊งค์" สั่งการให้ลงพื้นที่ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม
  • แม้จะเป็นโครงการต่อเนื่อง แต่คนเพื่อไทยซุบซิบว่า หากจะยกเลิก "รัฐมนตรี" มีอำนาจกระทำได้
  • ขณะเดียวกันมี "บิ๊กเพื่อไทย" หลายคนไม่พอใจที่ "เจ้ากระทรวงพาณิชย์" เล่นใหญ่เกินเบอร์ ปมอัด "ผู้ว่าฯแบงค์ชาติ" ทั้งที่มีมือประสานคุยนอกรอบ และเริ่มมีสัญญาณบวก 

คำสั่ง “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ให้รัฐมนตรีอยู่ช่วยประชาชนในช่วงเผชิญวิกฤตน้ำท่วม ถูกท้าทายโดย “เสี่ยแดง” พิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เจ้าตัวบินลัดฟ้าไปเปิดตัว Thailand Branding “Think Thailand Next Level” ที่ประเทศอังกฤษ

แม้จะเป็นอีเวนต์ต่อเนื่องจาก “รมว.พาณิชย์คนเก่า” แต่ในช่วงวางกำหนดการยังไม่มีเหตุน้ำท่วม เมื่อมีเหตุจำเป็น อีกทั้งยังมีคำสั่งจาก “นายกฯ อิ๊งค์” หากไม่ฝืน ดื้อดึง “พิชัย” สามารถแจ้งยกเลิกกำหนดการดังกล่าวได้

เมื่อมีภาพ “พิชัย” โชว์อีเวนต์หรากลางกรุงลอนดอน ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ “คนไทย” ประสบวิกฤตน้ำท่วม ทำให้ “บิ๊กเนมเพื่อไทย” ไม่พอใจ จนมีการท้วงติงถึงความเหมาะสม ยังมีเสียงวิจารณ์ถึงความคุ้มค่า

ขณะเดียวกันมีข้อสังเกตว่า งานโรดโชว์ทริปดังกล่าว อยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 หาก “พิชัย-ทีมพาณิชย์” ไม่เดินทางตามกำหนดการ จะต้องส่งงบฯเข้าคืนคลัง

อย่างไรก็ตามโครงการนี้อยู่ภายใต้ความดูแลของ “กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ” ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ และแผนการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ปีงบประมาณ 2567

วางคิวให้ “รมว.พาณิชย์” เป็นหัวหน้าคณะ 7 ครั้ง ซึ่ง “ภูมิธรรม เวชยชัย” อดีตรมว.พาณิชย์ ได้เป็นหัวหน้าคณะ 6 ครั้ง ประกอบด้วย 1.จีน ระหว่างวันที่ 4-6 พ.ย.2566 2.ฮ่องกง ระหว่างวันที่ 10-12 มี.ค.2567 3.สหรัฐ ระหว่างวันที่ 17-19 ม.ค.2567 4.ญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 9-12 พ.ค.2567 5.ฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 16-24 พ.ค.2567 6.คาซัคสถาน ระหว่างวันที่ 13-18 ส.ค.2567

ทว่า คิวเดินสายที่วางเอาไว้ หากมองว่ามีความจำเป็นอย่างอื่นที่จะต้องดำเนินการ อำนาจของ “รัฐมนตรี” สามารถให้เลื่อนออกไปได้ แต่การรับตำแหน่งเพียง 2-3 สัปดาห์ มิหนำซ้ำ ยังมีสถานการณ์น้ำท่วม แต่ “พิชัย” เลือกรันคิวเดินสายต่างประเทศ

นอกจากนี้ “พิชัย” ยังตกเป็นเป้าโดนถล่มจาก “บิ๊กเพื่อไทย-คนนอกพรรค” หลังเปิดศึกกับ “ผู้ว่าฯแบงค์ชาติ” โยนระเบิดข้ามกระทรวง เปิดแนวทัพเกินขอบเขต อำนาจหน้าที่

“พิชัย” วิจารณ์การทำงานของ ธปท.ว่า “ผมงงว่า ผู้ว่าแบงก์ชาติออกมาพูดในเชิงว่า ประเทศไทยไม่ต้องไปมุ่งเน้นจีดีพีมาก ผมไม่รู้ท่านเรียนจบจากที่ไหนมา เพราะเป็นความคิดที่ผิด แบงก์ชาติต้องช่วยคิดด้วยว่า จะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจเติบโต ไม่ใช่มีหน้าที่ดูแลกำกับอย่างเดียว รัฐบาลจะทำอะไรก็คอยแต่จะค้าน”

คำวิจารณ์เกินขอบเขตของ “พิชัย” ยิ่งทำให้รอยร้าวระหว่าง “ผู้ว่าฯแบงค์ชาติ” กับ “รัฐบาลเพื่อไทย” ร้าวลึกเข้าไปอีก

ทั้งที่ “นายกฯอิ๊งค์-ขุนพลเพื่อไทย” รวมถึง “ขุนคลัง” พิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯรมว.คลัง พยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ทำความเข้าใจเรื่องแนวทางต่างๆ จนเริ่มกลับมามีสัญญาณบวก แต่พลันที่ “รมว.พาณิชย์ป้ายแดง” ออกมาพูด “บิ๊กธปท.” กลับทิ้งระยะห่างออกไปอีก

ขณะเดียวกันกัน “บิ๊กข้าราชการ” ของกระทรวงพาณิชย์เอง เริ่มไม่พอใจรูปแบบการทำงานของ “พิชัย” ที่เจ้าตัวชอบโชว์ออฟ ออกงานอีเวนต์ในหลายเวที มักจะเกณฑ์ “บิ๊กข้าราชการ” ไปยืนเป็นวอลเปเปอร์อยู่ด้านหลัง

แม้ “บิ๊กข้าราชการ” บางคนจะแฮปปี้ที่ได้ใกล้ชิด “นายคนใหม่” แต่มี “บิ๊กข้าราชการ” จำนวนไม่น้อยไม่ชอบถ่ายรูปเป็นวอลเปเปอร์ให้ “นักการเมือง” อีกทั้งยังเป็นคอนเทนต์โจมตีกันทางการเมือง จึงเกิดความรู้สึกอึดอัดใจ

นอกจากนี้ ยังมีปมโยกย้าย “ข้าราชการ” ที่มีกระแสข่าวว่า “เจ้ากระทรวง” เล่นบทโหด หาก “ข้าราชการ” ไม่สนองงานมักจะใช้ไม้แข็ง

ว่ากันว่ามี “บิ๊กข้าราชการ” ระดับลูกหม้อ นั่งเก้าอี้เบอร์หนึ่งกรมระดับบิ๊ก แต่ “เจ้ากระทรวง” ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรม ย้ายเข้ากรุทันที

ต้องยอมรับว่าการแข่งขันในกระทรวงพาณิชย์ค่อนข้างสูง เมื่อต้องเปลี่ยนตัว “เจ้ากระทรวง” ทำให้ “บิ๊กข้าราชการ” ต้องต่อสายคอนเน็กชันใหม่ ใครดวงดีเจอสายแข็งก็อยู่รอดปลอดภัย ใครดวงไม่ดี ไม่มีเส้น ก็ยากที่จะอยู่รอด

หลังจากนี้ให้จับตา “พิชัย” สายล่อฟ้าคนใหม่ ที่งานในกระทรวงพาณิชย์เริ่มมีปมให้ “ลูกน้อง” ออกมาแฉ งานนอกกระทรวงเริ่มสร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น

และต้องไม่ลืมว่า “บิ๊กเนม-ลูกพรรค” ภายใน “เพื่อไทย” พร้อมเป็นศัตรูกับ “พิชัย” จำนวนไม่น้อยเช่นกัน